

มีผู้คิด “ สูตรลับ…ฉบับปฏิรูปการเมืองใหม่ ” ด้วยความคาดหวังว่าจะเปลี่ยนโฉมหน้าประเทศไทยให้เป็นประเทศเสรีประชาธิปไตยกันจริงๆ หลังเดือนสิงหาคมนี้ โดยเหตุเพราะผู้ใหญ่อยากเห็นบ้านเมืองเกิดความสุข สงบ ปวงประชาหน้าใส…ทำนองนี้นี่แหละ
เพราะ ถ้าการเมืองดี ตลาดหุ้นก็จะกลับมาสร้างรอยยิ้ม และ ผลประกอบการที่ดีให้แก่นักลงทุนทั้งไทย และเทศอีกครั้ง
สูตรลับนี้ ขมวดปมมาตามความเห็นของ ดร.สุรพล นิติไกรพจน์ นายกสภามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ พยานปากเอกจาก พรรคก้าวไกล ที่ระบุว่า คำร้องให้ยุบพรรคก้าวไกล ของ คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ไม่ชอบด้วยกฏหมาย
นอกจากนี้ การกระทำเพื่อล้มล้างการปกครองฯโดยการเข้าชื่อขอแก้ไขกฏหมาย ม.112 เป็นการใช้อำนาจนิติบัญญัติที่ชอบด้วยวิถีแห่งรัฐธรรมนูญ จึงไม่อาจเป็นการเซาะ กร่อน บ่อนทำลาย ขณะที่นโยบายหาเสียงเพื่อแก้ไข ม.112 ยังเป็นการมุ่งให้เกิดการประนีประนอมต่างหาก
ดังนั้น การกระทำของพรรคก้าวไกล จึงเป็นการใช้อำนาจหน้าที่ และสิทธิเสรีภาพ
ตามรัฐธรรมนูญ ไม่ได้ต้องการเปลี่ยนแปลงใดๆด้วยความรุนแรง จึงไม่เป็นเหตุให้ต้องยุบพรรค

ฉนั้น ในวันที่ 7 สิงหาคม อันเป็นวันที่ศาลรัฐธรรมนูญนัดตัดสินคดีของพรรคก้าวไกลที่ถูก กกต. กล่าวหาว่า ประสงค์จะล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขน่ะ
พรรคก้าวไกล จะได้รับการปลดปล่อยให้แสงไฟสาดส่องเพื่อขึ้นไปเฉิดฉายบนเวทีได้ต่อไป โดยไม่มีคำวินิจฉัยให้ยุบพรรค!
แหม.ถ้าเรื่องนี้เป็นจริง ก็อยากจะยินดีด้วย เพราะพรรคก้าวไกลคงเป็นพรรคฝ่ายค้านที่ทำหน้าที่ตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลในสภาต่อไปได้อย่างเข้มแข็ง และ ความแตกแยกในหมู่ผู้คนก็น่าจะลดลง…
แต่…ไม่มีใครการันตีนะว่า บ้านเมืองจะสงบสุขอย่างที่คิด?
โดยเฉพาะถ้าพรรคก้าวไกล ยังคงดึงดันจะแก้ไขบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ โดยให้สถาบันพระมหากษัตริย์อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ หรือ มีความพยายามจะให้มีการนิรโทษกรรมนักโทษ ม.112 แบบเหมาเข่งต่อไป
ถ้าถามย่า ย่าก็ยังคงฟันธงเหมือนเดิมว่า พรรคก้าวไกลน่าจะถูกยุบ ให้พวกเขา ได้รับประสบการณ์อีกครั้งเพื่อกลับไปฟูมฟักตัวเองให้ดีกว่านี้ อีกห้าปีสิบปีข้างหน้า ค่อยขยับกลับมา หรือ อยู่เบื้องหลังการสร้างคนไทยคุณภาพคับแก้ว กลับมารับใช้แผ่นดินกันใหม่
…ป่านนั้น ย่าก็คงติดปีกพาวิญญาณล่องลอยสู่ห้วงนภาอันกว้างใหญ่ไพศาล และไกลโพ้นไปแล้ว!
ส่วนอีกวันที่มีความหมายว่าการเมืองไทยจะเปลี่ยนหน้าฉากใหม่ ในสูตรลับนี้ ก็คือ วันที่ 20 สิงหาคม หรือ วันที่ นช.ทักษิณ ชินวัตร พ้นโทษ ตามที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากล้นเกล้าฯรัชกาลที่ 10
วันเวลาที่หลายคนก็ได้ยินประโยคที่ ทักษิณ บอกกับชาวบ้านคราวไปจังหวัดสุรินทร์ว่า รอเดือนสิงหา ทุกอย่างจะดีขึ้นแน่ หมายความเอาเองได้ว่า ทักษิณ จะเข้าไปแก้ไขปัญหาปากท้องที่กำลังฝืดเคืองกันอยู่ในทุกวันนี้ ให้ดีขึ้น
ตามหลักการ ทักษิณ ต้องเข้าไปเป็นนายกรัฐมนตรีเงาเต็มตัว ไม่ก็เป็นนายกรัฐมนตรี ซ้อน เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันที่กำลังทำหน้าที่อยู่
สองนายกรัฐมนตรี จะมีมุมมองต่อปัญหาของประเทศ และความเดือดร้อนของ ชาวบ้านชาวช่องแบบเดียวกันไหม หรือจะเข้าตำรา “สองคนยลตามช่อง” คนหนึ่งเห็นโคลนตม อีกคนตาแหลมเห็นดวงดาวพราวแสงหรือไม่…ตอบยาก!
กระนั้น ก็ยังมีความคาดหวังว่า เศรษฐา จะได้รับการสนับสนุนจาก ทักษิณ และ พรรคเพื่อไทยให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในรัฐบาลชุดนี้่ต่อไป (ลืม อุ๊งอิ๊ง กับ ชัยเกษม ไปได้เลย เพราะยังมีบัญชีรายชื่อแคนดิเดตจากพรรคการเมืองอื่นอีกหลายคน)
สูตรลับฉบับนี้ ยังพูดถึงความเป็นไปได้ที่จะเกิดจังหวะโบ๊ะบ๊ะที่สองพรรคการเมืองอย่าง ก้าวไกล กับ เพื่อไทย หันหน้ามาจูบปากควบรวมกันแบบเดียวกับการควบรวมกิจการกันของ บมจ.กัลฟ์ กับ อินทัช หากไม่มีการยุบพรรคก้าวไกล
เพราะสองพรรคนี้ มีความเห็นเรื่องนิรโทษกรรมแบบเหมาเข่งเหมือนๆกัน
ว่าแต่เอาจริงๆนะ สองพรรคนี้ จะรวมกันเป็นเนื้อเดียวเพียงเพราะเหตุผลแค่นี้ล่ะหรือ ในขณะที่พลพรรคเพื่อไทย ก็แค่อยากจะเอาอดีตนายกฯปู ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กลับบ้านคนเดียวเท่านั้น!!
จึงยังมองไม่เห็นเหตุผลว่า สองพรรคนี้จะรวมกันไปทำไม และเพื่ออะไร?!
ส่วนอีก พรรคการเมือง ที่นัยว่าจะเป็นตัวแปรสำคัญของ “สูตรลับ” ฉบับนี้ ก็คือ พรรคภูมิใจไทย (พรรคสีน้ำเงิน) ที่มีเจ้าของ และกุนซือใหญ่ชื่อ เนวิน ชิดชอบ ซึ่งได้ ซ.ต.พ.มาแล้วว่า ฉลาดกว่า แถมยังมี อนุทิน ชาญวีรกูล เป็นหัวหน้าพรรคด้วย
ก่อนหน้านี้แม้ พรรคภูมิใจไทย จะเป็นตัวช่วยสำคัญที่ทำให้การจัดตั้งรัฐบาลของพรรคเพื่อไทยดำเนินไปได้ด้วยความสำเร็จ แต่ความสำเร็จครั้งใหม่ ใหญ่กว่าครั้งก่อน โดยเฉพาะเมื่อผลการเลือกสมาชิกวุฒิสภา(ส.ว.) ที่ผ่านมา มีคนจากพรรคนี้ส่งเข้าไปนั่งเป็นส.ว.มากถึง 140 คนในจำนวน ส.ว.ทั้งหมด 200 คน
จากพรรคการเมืองขนาดกลางๆที่มีสส.เขต และปาร์ตี้ลิสต์ 71 เสียง บัดนี้พรรคภูมิใจไทย กำเสียงในสภาสูงไว้ในมือได้มากถึง 140 เสียง เหตุผลนี้ ทำให้พรรคภูมิใจไทย ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
ความคาดหวังว่า จะจับ พรรคนี้ไปร่วมสังฆกรรมกับพรรคไหนๆก็ได้ เท่ากับ มองข้ามความสำเร็จครั้งใหม่ของเขา และตั้งอยู่บนความประมาทมากไปหน่อย!
เพราะเสียงจากสภาสูง 140 เสียง สามารถยกมือคัดค้าน ไม่รับรองการแก้ไขกฏหมายใดๆก็ได้ทุกฉบับ หากเห็นว่า อาจเกิดความเสียหาย ล่อแหลม กระทำเพื่อตน และพวกพ้อง หรือ ขัดต่อพระราชอำนาจ…
ฉนั้น ไม่ว่า สูตรลับ ฉบับนี้ ใครจะคิดขึ้นเพื่อเชื่อมโยงก๊วนก๊กต่างๆทางการเมืองเข้าไว้ด้วยกัน หรือ มีเป้าหมายกระทำการสิ่งใด เห็นควรจับตาดู พรรคภูมิใจไทย ให้ใกล้ชิดกว่านี้หน่อย
การเมือง จะเปลี่ยนโฉมหน้าประเทศมาเป็นความหวังของคนไทยได้จริงๆกี่โมง ไม่มีใครตอบได้ดีเท่ากับ นักการเมือง!!
คุณย่าขาซิ่ง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง : “สุรพล นิติไกรพจน์” แสดงความเห็น คดี กกต.ร้อง ยุบพรรคก้าวไกล