สาวไส้ ตำรวจไทย เกมชิงอำนาจ-ผลประโยชน์ ฉุดวิกฤตศรัทธา

ตำรวจไทย

อะไรทำให้ “บิ๊กโจ๊ก” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบ.ตร.ยังคงวิ่งสู้ฟัดเพื่อจะรักษาตำแหน่ง และ การรับราชการในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.)ต่อไป

เส้นทางการเงินคนใกล้ชิดโยง ผลประโยชน์ “บิ๊กสีกากี”

แม้ว่าที่ประชุม ก.ตร.ที่มี เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน จะมีมติเป็นเอกฉันท์ 12 : 0 ว่า คำสั่งที่ให้ บิ๊กโจ๊ก ออกจากราชการไว้ก่อนระหว่างรอการสอบสวนในคดีที่ถูกกล่าวหาว่าพัวพันเครือข่ายเว็บพนันออนไลน์…เป็นเรื่องที่ถูกต้อง และชอบด้วยกฏหมายแล้ว ก็ตาม

ย้อนกลับไปที่สารตั้งต้นของความขัดแย้งระหว่าง บิ๊กโจ๊ก กับ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร “บิ๊กต่อ” ซึ่งคณะกรรมการสอบสวนที่นายกฯแต่งตั้งขึ้น เชื่อว่า ความขัดแย้งของทั้งสองฝ่ายมาจากความเชื่อมโยงในคดีที่ทั้งคู่เข้าไปเกี่ยวข้องด้วย และ มีเส้นทางการเงินโยงใยถึงคนใกล้ชิด และเครือญาติ

คดีที่มีความเชื่อมโยงกับคนทั้งคู่ซึ่งนำไปสู่ความขัดแย้งก็เช่น คดี 140 ล้าน(เป้รักผู้การเท่าไหร่) คดีกำนันนกที่มีตำรวจถูกยิงเสียชีวิต และอีกคนยิงตัวตายเซ่นความรับผิดชอบ ปรากฏมีเจ้าหน้าที่ตำรวจเกี่ยวข้องจำนวนมาก และ ในจำนวน

นี้เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของผู้ที่มีอำนาจมากกว่า

นอกจากนี้ยังมีคดีเว็บพนันออนไลน์ มินนี่ เครือข่ายหวยพนันออนไลน์ BNK และคดีอื่นๆที่แยกย่อยออกไปอีก 10 คดี

มหากาพย์ เกมชิงอำนาจ ตำรวจไทย

คดีทั้งหมดที่พบ มีการสอบสวนพยานไปแล้ว 50 ปาก และสอบสวนปากคำของคู่กรณีทั้งสองไปแล้วด้วย โดยสรุป พวกเขาเชื่อว่า บิ๊กโจ๊ก มีส่วนร่วมในการกระทำ ผิดโดยการฟอกเงิน ซึ่งพบเส้นทางการเงินจากเว็บพนันออนไลน์ มายังบัญชีม้าที่เชื่อมโยงมาถึงตนโดยที่รับรู้ และได้รับผลประโยชน์มาตลอด

ส่วนที่เกี่ยวข้องกับ บิ๊กต่อ คดีถูกส่งไปยัง ป.ป.ช.แล้ว และพบเส้นทางการเงินจากเว็บพนันไหลเข้าไปที่คนใกล้ชิด กับญาติพี่น้องเช่นกัน แต่เส้นทางเงินส่วนใหญ่ที่อาจมีปัญหาข้ามฟากไปอยู่ที่คนใกล้ชิด ซึ่งไม่ใช่ตรงเข้าหา บิ๊กต่อ 

และแม้จะมีประเด็นแจ้งบัญชีทรัพย์สิน เช่น บ้านที่ประเทศอังกฤษ ไม่ครบ เข้าข่ายแสดงบัญชีทรัพย์สินอันเป็นเท็จ แต่คณะกรรมการสอบสวน และแม้แต่ ป.ป.ช.ก็เห็นว่า ไม่ใช่เรื่องที่เข้าใจยากแต่อย่างใด

รวมความข้างต้นแล้ว นายกรัฐมนตรี จึงมีคำสั่งส่งตัว พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ กลับไปนั่งเก้าอี้ ผบ.ตร.ตามเดิม จนกว่า เขาจะเกษียณอายุราชการในอีก 3 เดือนข้างหน้า เพื่อให้สตช.มีผู้บังคับบัญชาในการรับมอบการสั่งการใดๆจากนายกรัฐมนตรีได้ 

ส่วน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ซึ่งมีคำสั่งให้กลับ สตช.ตั้งแต่แรก แต่ไม่ได้มอบหมายให้รับผิดชอบงานใดๆ ได้มีคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน จนกว่าการสอบสวนทั้งหมดจะเสร็จสิ้นลง ดังที่ปรากฏในการประชุม ก.ตร.ครั้งล่าสุด

“บิ๊กโจ๊ก” วิ่งสู้ฟัด เก็บแต้ม ฟ้อง นายพลตัวต. ต่อ-ต่าย-เต่า-แต้ม

ว่าแต่กรณีที่ บิ๊กโจ๊ก ยังคงวิ่งสู้ฟัด และไล่ฟ้องกราวรูดต่อนายพล.ตัว ต.เช่น ต่อ ต่าย เต่า และรายล่าสุด คือ ต.แต้ม หรือ ผู้การแต้ม พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ในข้อหาต่างกรรมต่างวาระกันน่ะ

สันนิษฐานว่า มูลเหตุน่าจะมาจากคำแถ-ลงของ ดร.วิษณุ เครืองาม ที่ปรึกษานายกฯคนบ้านเดียวกันกับ บิ๊กโจ๊ก ที่ว่า 1.กฤษฎีกามีความเห็นเป็นเอกฉันท์ว่า คำสั่งที่ให้ บิ๊กโจ๊ก ออกจากราชการไว้ก่อน ทำให้เสียสิทธิ และหน้าที่ โดยเฉพาะเสียสิทธิที่จะได้รับการเลื่อนขั้นในอนาคต จึงไม่ชอบ และไม่เป็นธรรม

2.เมื่อเห็นว่า ไม่ได้รับความเป็นธรรม บิ๊กโจ๊ก จึงยื่นฟ้องต่อ คณะกรรมการพิทักษ์คุณธรรมตำรวจ(ก.พ.ค.ตร.)ซึ่งมีกรอบระยะเวลาวินิจฉัยใน 120 วัน

ส่วย-เงินนอกระบบ ฉุดวิกฤตศรัทธาวงการสีกากี

ถ้า ก.พ.ค.ตร.วินิจฉัยว่าคำสั่งให้ออกจากราชการไม่ชอบด้วยกฏหมาย บิ๊กโจ๊ก ก็สามารถกลับไปรับราชการต่อได้ แต่หาก ก.พ.ค.ตร.ยกอุทธรณ์ บิ๊กโจ๊ก ยังสามารถนำความไปฟ้องร้องต่อศาลปกครองสูงสุดต่อไปได้ 

จึงไม่แปลกเมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า บิ๊กโจ๊ก ยังมีโอกาสเป็นแคนดิเดต ตำแหน่ง ผบ. ตร. หรือไม่ และ ดร.วิษณุ ตอบว่า ยังมีโอกาส ตามกรอบเวลาที่ ก.พ.ค.ตร.จะพิจารณา 

บางทีความคิด และคำพูด ที่พยายามจะฉีกทุกกฏภายใต้บริบทเก่าๆ ที่เคยใช้ได้ผลมาในอดีต นอกจากจะใช้ไม่ได้กับยุคสมัยนี้แล้ว ยังทำให้วิกฤตศรัทธาในวงการสีกากีตกต่ำลงหนักกว่าเดิม 

โดยเฉพาะเมื่อองค์กรซึ่งมีอำนาจหน้าที่ขับเคลื่อนกระบวนการยุติธรรมไปข้างหน้าเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชน กลับทำสิ่งที่ย้อนแย้ง และตรงกันข้ามกับอำนาจหน้าที่ของตนจนเป็นปรปักษ์กับประชาชนเสียเอง

ถึงตรงนี้ ใครล่ะ จะกล้าปรับโครงสร้างตำรวจไทยที่ถูกห้อมล้อมไปด้วยส่วย และเงินนอกระบบมากมาย…ไชโย!!

                                                                                                                                       คุณย่าขาซิ่ง