ยำมาครบ วิกฤตสำนักงานตำรวจแห่งชาติ “วิษณุ” ยืนยัน ไม่ใช่ “มวยล้ม ต้มคนดู”

วิกฤตสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

18 มิ.ย.’ วันที่หลายคนบอก จะเป็นวันสิ้นโลกน่ะ ผลที่สุดปรากฏว่า ทุกเรื่องที่เกิดขึ้น จบลงด้วยความสงบ ไม่เหมือนกับที่ “พวกกูรู้” ทั้งหลายพยากรณ์ไว้ จะมีก็แต่ตลาดหุ้นที่ตื่นตระหนกเทขายกันจมกระเบื้องไปจนดัชนีหุ้นหลุดไปแตะที่ระดับ 1,288 จุด!

อย่างที่เคยบอกว่า ทักษิณ ชินวัตร ได้ประกันตัวแน่ๆ จากคดีอัยการสูงสุดส่งตัวไปขึ้นศาลอาญาในความผิดตามม.112 และ ทักษิณ ก็ได้ประกันตัวไปจริงๆหลังวางหลักประกันมูลค่า 500,000 บาท ไม่เห็นว่า เขาจะหนีไปนอนชั้น 14 โรงพยา บาลตำรวจ หรือ บินหายเข้ากลีบเมฆไป

ส่วนคดีที่ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญยุติการเลือกส.ว.ชุดใหม่ ตกลงว่า ศาลท่านไม่เห็นว่า มีปัญหาอะไร จึงให้จัดการเลือกส.ว.ระดับประเทศต่อไป ขณะที่ส.ว.ชุดเก่าที่กะว่า จะได้รักษาการแทนต่อไปอีกระยะหนึ่งด้วยวัตถุประสงค์อะไรก็ตาม เป็นอันว่า พลาด!

สำหรับเรื่อง เศรษฐา ทวีสิน ยังสมควรเป็น นายกฯต่อไปหรือไม่? หลังแต่งตั้งทนายถุงขนม เป็น รมต.สำนักนายกฯ กับ คดียุบพรรคก้าวไกล ศาลท่านให้เวลาเพื่อพิจารณาคำชี้แจงอีกราว 15 วัน

ถ้าให้ประเมินอีก ก็ยังยืนยันเหมือนเดิมว่า เศรษฐา ยังเป็นนายกฯต่อไป ส่วนก้าวไกล คงเป็นไปตามวาระที่พวกเขาก่อไว้

ให้ “วิษณุ” เคลียร์หน้าเสื่อ

ก่อนเซ็นคำสั่งส่งตัว “บิ๊กต่อ” กลับ

ทีนี้มาดูเรื่องที่นายกฯเศรษฐา มอบให้ ดร.วิษณุ เครืองาม ที่ปรึกษาส่วนตัว ออกมาแถลงไขประเด็นสำคัญเรื่องของ 2 บิ๊กตำรวจใหญ่ หลังถูกมือดีปล่อยเอกสารลับที่เป็นคำสั่งของนายกฯเศรษฐา ให้ “บิ๊กต่อ” พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล กลับไปดำรงตำแหน่ง ผบ.ตร.ตามเดิม

ส่วน “บิ๊กโจ๊ก” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล ที่ถูกคำสั่งให้ออกจากราชการโดย “บิ๊ก ต่าย” พล.ต.อ.กิตต์รัฐ พันธุ์เพชร รักษาราชการแทน ผบ.ตร. ก็ให้เป็นที่ยืนยันอีกครั้งว่า บิ๊กโจ๊ก จะได้กลับไปเป็น รอง ผบ.ตร.ตามเดิม

แปลว่า ทั้งสองบิ๊กตำรวจ ได้กลับไปสตช. เหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นในห้วงเวลาที่ผ่านมา…อย่างว่า ที่นี่คือ ประเทศไทย อะไรก็เกิดขึ้นได้!

และนี่ก็ทำให้รู้ว่า ดร.วิษณุ ไม่ได้มาเพื่อช่วยให้คำปรึกษาในคดีความของนายกฯเศรษฐา แต่ความจริงมาให้คำปรึกษาในคดีของ “2 บิ๊กตำรวจ” ต่างหาก!!

ยำมาครบวิกฤตสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

อ่านให้ละเอียดคำแถลง“วิษณุ”

เปลี่ยนผลสอบทุจริตเป็นแค่ข้อขัดแย้ง

ทีนี้ลองอ่านให้ละเอียดในถ้อยแถลงของ ดร.วิษณุ ซึ่งพอสรุปได้ว่า เรื่องราวของ 2 บิ๊กนายตำรวจใหญ่นั้น ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริง และข้อกฏหมายจนเสร็จสิ้นภารกิจแล้ว แต่ยังมีเรื่องอื่นต้องดำเนินการต่อในอนาคตอีก

จากวันที่ 20 มี.ค.67 จนถึงวันที่แถลง 20 มิ.ย.67 ครบ 4 เดือนพอดี จึงสามารถปิดจ็อบจบเรื่องนี้ได้ว่า มีความขัดแย้ง และความไม่เรียบร้อยเกิดขึ้นทุกระดับชั้น และทุกฝ่ายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.)

เรื่องที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่เกี่ยวพันกับคนสองคน คือ บิ๊กต่อ กับ บิ๊กโจ๊ก ซึ่งแต่ละคนมีทีมงานผู้ใต้บังคับบัญชา จึงทำให้เกิดความขัดแย้งไปด้วย โดยมีคดีสำคัญๆที่เกี่ยวพัน เช่น คดี 140 ล้าน(เป้ รักผู้การเท่าไหร่), คดีกำนันนก, คดีมินนี่ หวยพนันออนไลน์ ,พนันออนไลน์ BNK

กับคดีแยกย่อยอีกเกือบ 10 คดีที่อยู่ตามสถานีตำรวจต่างๆ บางคดีอยู่ในศาลแล้ว โดยเฉพาะศาลอาญาในคดีทุจริต และประพฤติมิชอบทั้ง 7 ภาค และส่วนกลาง ความขัดแย้งนี้ มีทั้งเรื่องที่เพิ่งเกิด และเกิดมาเกือบ 10 ปีแล้ว บางเรื่องเกี่ยวพันกับหน่วยงานนอกกระบวนการยุติธรรม อาทิ องค์กรอิสระ

รวมๆกัน คดีทั้งหมดมีเจ้าของรับผิดชอบแล้ว เช่น ปปช. DSI หรือ ปปง.รับไปดำเนินการ ไม่มีคดีตกค้างที่สตช.อีก

สอบข้อกฏหมาย ไม่ชี้ ใครผิด-ใครถูก

“บิ๊กโจ๊ก” กลับ “บิ๊กต่อ” ก็ต้องกลับ สตช.ได้

สำหรับ บิ๊กโจ๊ก ได้รับคำสั่งให้กลับไปปฏิบัติราชการที่ สตช.หลังถูกเรียกตัวไปช่วยราชการสำนักนายกฯ แต่วันเดียวกันมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยตามด้วยคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน (แต่กรรมการชุดนี้ยังไม่ได้ตั้ง คำสั่งให้ออกจากราชการจึงยังไม่เป็นผล ดูคำเฉลยท้ายๆ)

ส่วน บิ๊กต่อ เป็นไปตามข้อสรุป จึงเห็นสมควรส่งกลับไปปฏิบัติราชการที่สตช.ในหน้าที่เดิม เพราะไม่มีอะไรจะสอบสวนแล้ว และคดี ก็ปล่อยให้เดินหน้าต่อไปตามขั้นตอนของกระบวนการนั้นๆ แต่จะให้กลับวันไหน ต้องรอคำสั่งนายกฯ

ดร.วิษณุ ย้ำว่า การตรวจสอบข้อกฏหมายไม่ได้ชี้ว่า ใครถูก ใครผิด แต่เห็นความยุ่งยากสับสนระหว่างอำนาจการสอบสวนของหลายหน่วยงาน ไม่รู้ว่าเป็นอำนาจใคร ในคดีทุจริต ก็มีเจ้าภาพมากเกินไป จึงต้องให้กฤษฏีกาตรวจสอบให้ชัดว่า ใครมีอำนาจ จะได้ทำให้ถูกต้อง

ส่งกฤษฏีกาตีความคำสั่งให้ออกราชการ

10:1 ผิดกฏหมาย กระทบสิทธิ และหน้าที่

สำหรับสถานภาพของ บิ๊กโจ๊ก ซึ่งถูกสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน ตามพรบ.ตำรวจแห่งชาติฉบับเดิม ได้หารือกับกฤษฏีกาจนมีมติ 10:1 ว่า คำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนนั้น กระทบต่อสิทธิ และหน้าที่ เพราะหากออกจากราชการจริงเงินเดือนก็ไม่ได้ เงินประจำตำแหน่ง เงินเพิ่ม รถประจำตำแหน่ง ป้ายชื่อ รวมถึงสิทธิการได้เลื่อนขั้น ก็จะไม่ได้รับเลย…เป็นงั้น!

กฤษฏีกา จึงเห็นว่าเรื่องนี้ไม่ถูกต้อง และไม่ชอบธรรม ให้แก้ไข และจัดการใหม่ให้ถูกต้อง นอกจากนี้ตำแหน่งแห่งที่ของ บิ๊กโจ๊ก ยังอยู่ระหว่างนำความขึ้นกราบทูลให้ออกจากราชการไว้ก่อน แต่เวลาเดียวกัน บิ๊กโจ๊ก ได้นำความไปฟ้องต่อคณะกรรมการพิทักษ์คุณธรรมของตำรวจ…จึงแปลความได้ว่า น่าจะอีกยาว?!

ดร.วิษณุ เชื่อว่า สถานการณ์น่าจะเบาบางลงเพราะสองฝ่ายมีการพบปะพูดคุยกันมากพอจะไกล่เกลี่ยกันได้ และยืนยันว่า เรื่องนี้ไม่ใช่ “มวยล้ม ต้มคนดู”เพราะทุกคนยังมีคดีปักหลัง

แต่ระหว่างนี้ สตช.ไม่มีหัว มีแต่ พล.ต.อ.กิตต์รัฐ รักษาราชการแทน จำเป็นต้องมีกำลังเข้าไปช่วยเสริมนโยบายรัฐบาลเรื่องยาเสพติด การปราบปรามหวยพนัน หรือ เรื่องเงินนอกระบบ ที่รัฐบาลต้องการเข้าไปจัดการโดยด่วน และไม่ใช่การ “ฟอกขาว” แต่ขอให้กลับไปทำหน้าที่ก่อน ส่วนคดีก็ไปสู้กันเองใน ป.ป.ช.

เมื่อถูกถามว่า บิ๊กโจ๊ก มีโอกาสกลับไปได้เป็นแคนดิเดต ผบ.ตร.หรือไม่ ดร.วิษณุ ยอมรับว่า มีโอกาส แต่ไม่มีกรอบเวลาในการตรวจสอบ เพราะกฏหมายตำรวจ ระบุชัดเจนว่า จะไม่เอาเหตุผลนี้ มาเป็นเหตุสกัดกั้น การดำรงตำแหน่ง หรือ เลื่อนตำแหน่งของบุคคลที่กฏหมายระบุไว้

ขึ้นชื่อว่า ปรมาจารย์กฏหมายไทย ใครจะกล้าเถียงว่า นี่มันใช่ หรือ ไม่ใช่ มวยล้ม ต้มคนดู !!!

คุณย่าขาซิ่ง