NT ปักหมุดจัดระเบียบสายสื่อสารลงท่อร้อยสายใต้ดิน

  • พร้อมพัฒนาเป็น Neutral Operator และ Neutral Last Mile Provider
  • เปิดแผนโครงการท่อร้อยสายใต้ดินสำหรับผู้ประกอบการโทรคมนาคม
  • เพื่อให้มีการใช้โครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมร่วมกัน

นายมรกต เธียรมนตรี รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานโครงสร้างพื้นฐาน บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT เปิดเผยว่า ด้วยศักยภาพความพร้อมของท่อร้อยสายใต้ดินของ NT ที่มีอยู่แล้ว 4,450 กิโลเมตร แบ่งเป็นท่อร้อยสายในพื้นที่นครหลวง 3,600 กิโลเมตร และภูมิภาค 850 กิโลเมตร จึงทำให้ NT เป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินการนำสายสื่อสารลงใต้ดินร่วมกับทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐและเอกชน ได้แก่ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.)  การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) กรุงเทพมหานคร (กทม.)  เทศบาล และองค์การบริหารส่วนท้องถิ่น รวมทั้งสมาคมโทรคมนาคมแห่งประเทศไทย โดย NT ให้บริการให้เช่าใช้ท่อร้อยสายใต้ดินกับหน่วยงานภาครัฐและผู้ประกอบการโทรคมนาคม แทนการพาดสายสื่อสัญญาณต่างๆ ผ่านเสาไฟฟ้าของ กฟน. และ กฟภ. พร้อมกับ NT มีแนวทางพัฒนาบทบาทเป็น Neutral Operator และ Neutral Last Mile Provider รองรับการให้บริการ Broadband และ Data Service 

สำหรับผู้ประกอบการโทรคมนาคม เพื่อให้มีการใช้โครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมร่วมกัน เป็นการลดการลงทุนที่ซ้ำซ้อน และมีการใช้ทรัพยากรของรัฐที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยแผนการดำเนินงานนำสายสื่อสารลงท่อร้อยสายใต้ดินในปี 2566 จะสอดคล้องกับแผนงานของ กสทช. กฟน. กฟภ. กทม. เทศบาล และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในการจัดระเบียบสายสื่อสารเพื่อปรับสภาพภูมิทัศน์ของบ้านเมืองให้มีสภาพเรียบร้อยสวยงาม เพิ่มศักยภาพและความปลอดภัยของโครงข่ายสื่อสารจากอุบัติเหตุ ซึ่งประกอบด้วยแผนงาน ดังนี้

1.แผนงานโครงการปรับเปลี่ยนสายไฟฟ้าและสายสื่อสารลงใต้ดิน เพื่อรองรับการเป็นมหานครอาเซียน จำนวน 39 เส้นทาง ระยะทาง ประมาณ 127 กม. โดยมีแผนที่จะดำเนินการในปี 2566 เช่น ถนนอังรีดูนังต์ ถนนหลังสวน ถนนวิทยุ ถนนพระราม 4 ถนนจรัญสนิทวงศ์ ถนนลาดพร้าว ถนนพหลโยธิน ถนนรามคำแหง ถนนศรีนครินทร์ เป็นต้น
2.แผนงานโครงการนำสายสื่อสารลงใต้ดิน ตามนโยบายสำนักงาน กสทช. โดยมีแผนในปี 2566 เช่น ถนนมหาราช ถนนอโศก ถนนรัชดาภิเษก ถนนอิสรภาพ เป็นต้น
3.แผนงานโครงการร่วมกับ กทม. เส้นทางปรับปรุงทางเท้า 13 เส้นทาง เช่น ถนนเยาวราช ถนนสุทธิสาร (อินทามระ) ถนนพระราม 4 เป็นต้น
4.แผนงานโครงการปรับปรุงระบบไฟฟ้าเป็นเคเบิลใต้ดินของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เช่น นครราชสีมา เชียงใหม่ เชียงราย ระนอง หนองคาย ชลบุรี ภูเก็ต พัทยา หาดใหญ่ เป็นต้น
5.แผนงานโครงการ 1 จังหวัด 1 ถนนเฉลิมพระเกียรติ ส่วนต่อขยาย
6.แผนงานโครงการนำสายสื่อสารลงใต้ดินบริเวณฐานทัพเรือสัตหีบ ตามข้อตกลงความร่วมมือระหว่างกองทัพเรือ กับ NT ซึ่งเป็นพื้นที่เศรษฐกิจโดยมีสนามบินอู่ตะเภาและชุมชนถนนสุขุมวิท ได้ดำเนินการไปแล้ว 2 เส้นทาง ยังเหลืออีก 7 เส้นทาง

“ตั้งแต่ปี 2565 ที่ผ่านมา NT มีการจัดระเบียบสายสื่อสารไปแล้วหลายเส้นทาง โดยเฉพาะมีการจัดระเบียบสายสื่อสารแบบการใช้โครงข่ายปลายทางร่วมกัน (Single Last Mile) เพื่อลดจำนวนการพาดสายสื่อสารบนเสาไฟฟ้า โดยผู้ประกอบการโทรคมนาคมลงทุนในส่วนของโครงข่ายโทรคมนาคมหลัก (Core) และ NT เป็นผู้ลงทุนในส่วนของโครงข่ายโทรคมนาคมปลายทาง (Last Mile) เข้าสู่บ้านเพื่อให้บริการลูกค้าทั้งแบบแขวนอากาศและแบบอยู่ใต้ดิน 

โดยมีการสร้างจุดเชื่อมต่อจากโครงข่ายหลัก (Core) เข้าสู่บ้านเรือนหรืออาคารของผู้ใช้บริการเป็นการรองรับการใช้งานของผู้ให้บริการและลดการลงทุนซ้ำซ้อนของผู้ให้บริการ ตอบโจทย์ความมั่นคง และมีเสถียรภาพทางการสื่อสารและโทรคมนาคม สามารถใช้ทรัพยากรของประเทศร่วมกัน (Infrastructure Sharing) ซึ่งปัจจุบันได้มีการดำเนินการในรูปแบบ Single Last Mile แขวนบนอากาศบริเวณพื้นที่ ถนนนาคนิวาส กรุงเทพมหานคร และ Single Last Mile แบบลงท่อร้อยสายใต้ดิน บริเวณพื้นที่ถนนข้าวสาร กรุงเทพมหานคร ถนนพัทยาเหนือ จังหวัดชลบรี ถนนอุดรดุษฎีและถนนโพธิ์ศรี เทศบาลเมืองอุดรธานี และมีแผนการดำเนินการในอีกหลายพื้นที่ เช่น ถนนเยาวราช

“การดำเนินงานในการนำสายสื่อสารลงท่อร้อยสายใต้ดินที่ผ่านมา เป็นการใช้โครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมร่วมกัน (Infrastructure Sharing) ช่วยลดการลงทุนที่ซ้ำซ้อนและลดต้นทุนของผู้ประกอบการ โดยมีการใช้ทรัพยากรของประเทศร่วมกันทำให้เกิดประโยชน์สูงสุด ช่วยให้ระบบสื่อสารโทรคมนาคมมีความมั่นคงและมีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ การดำเนินงานในการนำสายสื่อสารลงท่อร้อยสายใต้ดินที่ผ่านมาเป็นการใช้โครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมของ NT ร่วมกัน (Infrastructure Sharing) ช่วยลดการลงทุนที่ซ้ำซ้อน และลดต้นทุนของผู้ประกอบการ โดยมีการใช้ทรัพยากรของประเทศร่วมกันทำให้เกิดประโยชน์สูงสุด ช่วยให้ระบบสื่อสารโทรคมนาคมมีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ ไม่มีสายสัญญาณร่วงหล่นสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชน ลดความไม่เป็นระเบียบของ สายสื่อสาร ช่วยปรับสภาพภูมิทัศน์ของบ้านเมืองให้มีสภาพเป็นระเบียบ เรียบร้อย สวยงาม”