The Journalist Club จัดลำดับ 10ข่าวเด่นรอบปี 2566

The Journalist Club  จัดลำดับ 10ข่าวเด่นรอบปี 2566 สงครามอิสราเอล-ฮามาส มาอันดับ 1 แรงงานไทยได้รับผลกระทบเต็มๆ ช่วยเหลือกลับบ้านกันอย่างลุ้นระทึก

The Journalist Club ได้จัดอันดับ 10 ข่าวเด่นในรอบปี 2566 ที่ผ่านมา รวบรวมเก็บไว้เป็นบันทึกว่ามีเหตุการณ์สำคัญอะไรบ้างที่เกิดขึ้น ทั้งทางการต่างประเทศ การเมือง กีฬา อาชญากรรม โดยเรียงลำดับดังนี้

อันดับ 1 : สงครามอิสราเอล-ฮามาส

เหตุการณ์เริ่มต้นขึ้นเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2566 เมื่อกลุ่มผู้ก่อการร้าย ติดอาวุธ บุกเข้าไปทางตอนใต้ของอิสราเอล และกราดยิงผู้คนพี่พบเห็นแบบไม่เลือกหน้า ซึ่งในนั้นมีแรงงานไทย เสียชีวิตรวม 34 คน เป็นชาติที่เสียชีวิตมากที่สุด บาดเจ็บ 19 คน ถูกจับเป็นตัวประกัน 32 คน ถูกปล่อยตัวออกมา 24 คน เหลืออีก 8 คนที่ยังไม่ทราบชะตากรรม ตัวประกันได้รับการปล่อยตัวช่วงหยุดยิงสั้นๆ 7 วัน แต่หลังจากนั้นก็ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดยิงกันอีก แม้หลายฝ่ายจะพยายามเจรจาให้ยุติ แต่อิสราเอลยืนยันว่าจะทำสงครามกับฮามาสต่อไปให้สิ้นซาก

อันดับ 2 : เหตุกราดยิงพารากอน

เมื่อวันที่ 3 ต.ค.2566 มีเหตุสะเทือนขวัญเกิดขึ้นกลางกรุง เมื่อเด็กอายุ 14 ปี กราดยิงในห้างสยามพารากอน จนมีผู้เสียชีวิต 4 ราย บาดเจ็บอีก 4 ราย เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในวงกว้าง นอกจากผู้ก่อเหตุเป็นเด็กแล้ว ยังสร้างผลกระทบต่อภาพลักษณ์ประเทศ รัฐบาลกำลังเร่งโปรโมทท่องเที่ยว ดึงต่างชาติเที่ยวไทย เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ในการฟ้องร้องคดี ล่าสุดอัยการส่งคืนสำนวนให้ทางตำรวจ เพราะเห็นว่ากระบวนการสอบสวนไม่ชอบด้วยกฎหมาย และให้กลับไปสอบสวนให้ถูกต้องกฎหมาย เพราะผู้ต้องหาเป็นเด็กที่อยู่ในสภาวะป่วย และไม่ได้รอผลการวินิจฉัยจากแพทย์สถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์ในเรื่องความสามารถของเด็กก่อน คดีความนี้มีอายุ 20 ปี เรื่องนี้คงว่ากันอีกยาวๆ

อันดับที่ 3 : เลือกตั้ง-จัดตั้งรัฐบาล

เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2566 การเลือกตั้งเกิดขึ้นครั้งแรกในรอบ 9 ปีหลังจากคนไทยอยู่กับรัฐบาล”ประยุทธ์ จันทร์โอชา” มาอย่างยาวนานเกือบทศวรรษ ด้วยความอัดอั้นในประชาธิปไตย การเลือกตั้งครั้งนี้ คนไทยจึงแห่กันไป ใช้สิทธิ์มากถึงร้อยละ 75.71  มากที่สุดนับแต่มีการเลือกตั้งมาทั้งหมด 27 ครั้ง รวมครั้งนี้ด้วย โดยพรรคก้าวไกล ภายใต้การนำของหัวหน้าพรรคอย่างนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ชนะเป็นอันดับ 1 ได้ 151 เสียง เพื่อไทยที่มีนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว มาอันดับที่ 2 ได้ 141 เสียง

พรรคก้าวไกลได้เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลรวม 8 พรรค 312 เสียง มีการลงนามในเอ็มโอยูกันเรียบร้อย และเสนอชื่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกรัฐมนตรีนที่ 30 แต่ไม่ผ่านการโหวตของสภาร่วมทั้งสส.และสว.รวม 750 คน ต้องได้เกินครึ่ง  คือ 376 เสียง นายพิธา ได้คะแนนไม่ถึง 376 เสียง ทำให้ไม่ได้รับการเลือกเป็นนายกฯ คนใหม่ โดยมีผู้ลงคะแนนเห็นชอบ 324 เสียง ไม่เห็นด้วย 182 เสียง และงดออกเสียง 199 เสียง

ต่อมาจึงโยนไม้ต่อให้พรรคเพื่อไทย พรรคอันดับที่ 2 เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลแทน และสุดท้ายพรรคก้าวไกลถูกสลัดทิ้ง เพื่อไทยฉีกเอ็มโอยู ให้ก้าวไกลไปเป็นฝ่ายค้าน และพรรคเพื่อไทยหันหัวเรือไปจับมือกับพรรค 2 ลุง พรรคภูมิใจไทยและพรรคอื่นๆอีกรวม 11 พรรค 314 เสียง  เสนอชื่อ นายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรี โดยรอบนี้สภาโหวตให้ผ่าน ด้วยคะแนนเห็นชอบ 482 เสียง ไม่เห็นชอบ 165 เสียง และ งดออกเสียง 81เสียง

จนกลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ การกระทำของพรรคเพื่อไทยว่า “เพื่อไทยตระบัดสัตย์” เพราะนพ.ชลน่าน หัวหน้าพรรคเคยประกาศว่าจะไม่จับมือกับพรรค 2 ถ้าเกิดขึ้นจะลาออก ต่อมาก็ต้องลาออกจริงๆ และ “อุ๊งอิ๊งค์” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ได้ขึ้นมาเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย

อันดับ 4 : “พิธา” หยุดทำหน้าที่ในสภา

หลังจากนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลพลาดหวัง จากการโหวตเลือกนายกฯรอบแรก และอยู่ระหว่างการเล่มเกมการเมืองในสภาว่าจะเสนอชื่อซ้ำให้โหวตใหม่ได้หรือไม่นั้น เมื่อวันที่ 19 ก.ค.66 ขณะที่นายพิธากำลังอยู่ในห้องประชุมสภา ก็ได้รับทราบมติศาลรัฐธรรมนูญ 7:2 รับคำร้องวินิจฉัยสมาชิกภาพ ส.ส.นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ “ปมถือหุ้นสื่อ” ในบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) พร้อม สั่ง “พิธา” หยุดปฏิบัติหน้าที่ตั้งแต่วันที่ 19 ก.ค. โดยนายพิธาได้ลุกขึ้นกล่าวอำลา และเดินออกจากห้องประชุมสภาทันทีที่ได้รับเอกสารแจ้งจากศาลรัฐธรรมนูญ ล่าสุดศาลรัฐธรรมนูญ มีมตินัดฟังคำวินิจฉัยปมถือหุ้นสื่อในวันที่ 24 มกราคม 2567 14.00 น.

อันดับ 5 :  “ทักษิณ”กลับบ้าน

เมื่อวันที่ 22 ส.ค. 2566 เวลา 09.25 น. อดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร กลับมาเหยียบแผ่นดินไทยอีกครั้ง ในรอบ 15 ปี และถูกนำตัวไปที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง รับทราบคำตัดสินใน 3 คดี รวม 8 ปี และถูกส่งตัวไปควบคุมตัวอยู่ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร แดน 7 อยู่ในคุกได้เพียงไม่กี่ชั่วโมง ในเวลา 23.59 น. ของวันที่ 22 ส.ค. พัศดีเวรได้รายงานว่านายทักษิณ ซึ่งอยู่ระหว่างการกักโรค มีอาการนอนไม่หลับ แน่นหน้าอก ความดันโลหิตสูง ระดับออกซิเจนปลายนิ้วต่ำ และถูกส่งตัวไปรักษายังโรงพยาบาลตำรวจ เมื่อเวลา 00.20 น ของวันที่ 23 ส.ค. 2566 อยู่ที่ชั้น 14 และไม่ได้ถูกส่งตัวกลับเรือนจำอีกเลยจนถึงบัดนี้ จนถูกเรียกว่า “นักโทษเทวดา”

อันดับ 6 : คดีกำนันนก สั่งยิงตำรวจคางานเลี้ยง

สุดอื้อฉาว และสั่นสะเทือนไปทั้งวงการสีกากี และมีผลกระทบลุกลามเป็นลูกโซ่ จากจุดเริ่มต้นเมื่อวันที่ 6 ก.ย.66 “กำนันนก” นายประวีณ จันทร์คล้าย กำนันผู้ทรงอิทธิพล ต.ตาก้อง จ.นครปฐม ที่ถูกตั้งข้อหาเป็นผู้ก่อเหตุสั่งยิง พ.ต.ต.ศิวกร สายบัว หรือ สารวัตรแบงค์ เสียชีวิตกลางวงงานเลี้ยง โดยมือปืนคือ “หน่อง-ธนัญชัย หมั่นมาก” ลูกน้องคนสนิทของกำนันนก ก่อนจะหลบหนีและตำรวจไล่ล่าและวิสามัญในที่สุด

ทั้งนี้เป็นที่ถกเถียงในสังคมเป็นอย่างมากว่า ภายในงานเลี้ยงทำไมถึงมีนายตำรวจมากมายมาร่วมงานด้วย ซึ่งก็ทราบต่อมาว่า กำนันนก เป็นผู้กว้างขวาง ที่บ้านทำธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง  ต่อมาทาง ดีเอสไอ ได้เข้าตรวจสอบธุรกิจของกำนันนก พบว่ามีการเข้าประมูล-รับงาน จากหน่วยงานรัฐมากกว่า 1,500 โครงการ มีมูลค่ารวมหลายพันล้านบาท และมีข้อสงสัยว่าหลายโครงการมีการทำสัญญาที่ไม่โปร่งใส

ต่อมาพนักงานอัยการนำตัวตำรวจและพลเรือนรวม 23 คน ไปส่งฟ้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง สำหรับกำนันนกถูกฟ้อง 2 ศาล คือศาลอาญาและศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง และอยู่ระหว่างการต่อสู้คดี

อันดับ 7 : ศาลตัดสินคดีน้องชมพู่ สั่งจำคุก”ลุงพล”20 ปี

เรียกได้ว่าเป็นมหากาพย์มายาวนานกว่า 3 ปี 7 เดือน สำหรับคดีน้องชมพู่ ก่อนที่ศาลจังหวัดมุกดาหารจะอ่านคำพิพากษาเมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2566 สั่งจำคุกนายไชย์พล หรือ “ลุงพล” วิภา 2 ข้อหารวม 20 ปี โดย มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ฐานกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายจำคุก 10 ปี และฐานพรากเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี ไปเสียจากบิดามารดาปราศจากเหตุอันควรจำคุก 10 ปี รวม 20 ปี โดยศาลให้ “ลุงพล” ประกันตัววงเงิน 500,000 บาท เตรียมทีมทนายยื่นอุทธรณ์ต่อไป หลักฐานสำคัญคือ เส้นผมที่ถูกตัด และพยานบุคคลที่เห็นลุงพลมีพิรุจ

อันดับ 8 :  แอนโทเนีย โพซิ้ว รองอันดับ 1 มิสยูนิเวิร์ส 2023

คนไทยลุ้นกันแบบตัวชา มือเย็น ใจเต้นรัว ในวินาทีที่จะประกาศว่าใครจะเป็นมิสยูนิเวิร์ส 2023 เมื่อเหลือ 2 คนสุดท้ายที่ตัวแทนจากไทย แอนโทเนีย โพซิ้ว ยืนจับมืออยู่กับ นางงามจากนิคารากัว ก่อนที่นางงามจากนิคารากัว จะได้รับตำแหน่งมิสยูนิเวิร์ส 2023 ไป ส่วนแอนโทเนีย โพซิ้ว ได้รองอันดับ 1 มิสยูนิเวิร์ส 2023 มาไกลสุดของสาวไทยในรอบ 35 ปี คนไทยลุ้นมากเพราะ แอนโทเนีย โพซิ้ว เป็นสาวเก่ง สวย สง่า มากความสามารถ เธอเป็น ลูกครึ่งไทย-เดนมาร์ก ได้รับเสียงเชียร์กระหึ่มทั้งในเวทีและนอกเวที และล้นทะลักโซเซียล แม้แอนโทเนีย จะคว้า รองอันดับ1 กลับเมืองไทย แต่คนไทย ก็ต้อนรับกลับบ้านด้วยความอบอุ่น

“แอนโทเนีย โพซิ้ว” คว้าตำแหน่งรองอันดับหนึ่ง มิสยูนิเวิร์ส2023

อันดับที่ 9 : คดี “เสี่ยแป้ง นาโหนด”

“เสี่ยแป้ง นาโหนด” หรือ นายเชาวลิต ทองด้วง คือนักโทษชาย ที่รวมกับพวกเข้าชิงตัวผู้ต้องหาคดียาเสพติดจากตำรวจ โดยศาลสั่งจำคุก 20 ปี ทั้งนี้ เสี่ยแป้งได้หลบหนีจากการถูกควบคุมตัวหลังเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราช เมื่อวันที่ 22 ต.ค.66

จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สนธิกำลังหลายภาคส่วน เร่งติดตามเพื่อค้นหาเสี่ยแป้ง โดยพบหลบหนีเข้าป่าในเทือกเขาบรรทัด เขตรอยต่อของ จ.พัทลุง และ จ.ตรัง กระทั่งเมื่อวันที่ 8 พ.ย.66 เจ้าหน้าที่พบตัวเสี่ยแป้ง มีการยิงปะทะกัน แต่เสี่ยแป้งสามารถหลบหนีไปได้

ต่อมาช่วงปลายเดือน พ.ย.66 เสี่ยแป้งได้เคลื่อนไหว โดยปล่อยคลิปวิดีโอออกมากล่าวถึงความไม่ยุติธรรมของขบวนการยุติธรรมทั้งในตำรวจ และอัยการศาล ทำให้นำไปสู่การตรวจสอบอีกมากมาย ข่าวล่าสุดเมื่อวันที่ 25 ธ.ค.66 ศาลจังหวัดพัทลุง พิพาษาสั่งจำคุกตลอดชีวิต ข้อหาร่วมกันพยายามฆ่าผู้ช่วยเจ้าพนักงานศาล ร่วมกันต่อสู้ขัดข้องเจ้าพนักงาน ผิด พ.ร.บ.อาวุธปืน เป็นการตัดเหตุการณ์ที่ก่อเหตุเมื่อคราว 9 ก.ย.62 ที่ผับแห่งหนึ่งใน จ.พัทลุง โดยเสี่ยแป้งจะสู้ในชั้นอุทธรณ์ หรือฎีกา เสี่ยแป้งต้องกลับมาอุทธรณ์ด้วยตนเอง กระทั่งถึงขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ยังไม่สามารถจับกุมเสี่ยแป้งได้ แต่ทาง ผบ.ตร. มีการเอ่ยกับสื่อว่ารอหลังปีใหม่จะมีข่าวดีแน่นนอน

อันดับ 10 : “เทนนิส-พาณิภัค”และ “วิว-กุลวุฒิ”สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่

ปี2566 นับเป็นอีกปีทองของ น้องเทนนิส-พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ  หลังคว้าเหรียญทองเอเชียนเกมส์ที่จีน ก็ผงาดคว้าแชมป์เทควันโด เวิล์ดกรังด์ปรีซ์ ไฟนอลส์ 2023 ที่เมืองแมนเชสเตอร์ ได้สำเร็จ สร้างประวัติศาสตร์ ทำสถิติคว้าแชมป์เทควันโด เวิลด์กรังด์ปรีซ์ ไฟนอล 2023 แชมป์สูงสุด 12 สมัย พร้อมกับสร้างสถิติกวาดแชมป์รายการที่ 51 ที่เข้าแข่งขันระดับนานาชาติ พร้อมคว้าตั๋วไปโอลิมปิก 2024 ที่ปารีส ฝรั่งเศส

ขณะที่นักกีฬาอีกคน ที่สร้างผลงานได้ยอดเยี่ยมคือ “วิว-กุลวุฒิ วิทิตศานต์” ที่คว้าแชมป์แบดมินตันโลก 2023 เป็นแชมป์ชายเดี่ยวคนแรกของไทย และเป็นนักแบดมินตันคนที่ 3 ของประเทศไทย ถือได้ว่าสร้างประวัติศาสตร์บทใหม่ให้กับวงการแบดมินตันไทย ถือเป็นฮีโร่ของวงการแบดมินตันไทยอีกคนหนึ่ง