เหตุสลดที่ทำเนียบ เปิดโปงมือที่มองไม่เห็นแทรกแซงสื่อ

เหตุสลดที่ทำเนียบ เปิดโปงมือที่มองไม่เห็นแทรกแซงสื่อ ปรับทัศนคติเสียใหม่ มองคำถามสื่อคือช่อดอกไม้ หาใช่หอกดาบที่คอยทิ่มแทง

วันนี้คอลัมน์ “คุณย่าขาซิ่ง” “คุณย่า” ตัวจริงเสียงจริงมีธุระเร่งด่วน จึงมอบหมายให้ “คุณพ่อขอแซะ” มาเป็นตัวแทนสัก 1 ตอน

“คุณพ่อ”นั่งคิดนอนคิด เห็นคุณ “พี่นิด” นายกฯเศรษฐา ทวีสิน ฟิตปึ๋งปั๋ง ทำงาน 3 เดือน จนนักข่าวสายตามนายกฯพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ทำงานตามนายกฯเศรษฐามา 3 เดือน เหมือนทำมา 3 ปี ภูเก็ตก็แค่ปากซอย อยากมูฟไปไหนก็ปรู๊ดปร๊าด แถลงข่าวอีกเป็นกะตั๊กๆ ทำงานกันหนักกว่านักข่าวสายอื่นหลายเท่า (โบนัสต้องเข้าแล้วงานนี้)

ไหนจะเดินสายต่างประเทศอีก พบปะบริษัทชั้นนำยักษ์ใหญ่ ด้วยตัวเอง ซึ่งตามปกติหลายครั้งที่ปฏิบัติกันมา เวลานายกฯเดินทางไปภารกิจต่างประเทศ มักจะไม่มาลงในรายละเอียด พบปะเอกชนแบบนี้ ไม่มอบให้รองนายกฯก็มอบให้หัวหน้าหน่วยงาน เช่น เลขาธิการบีโอไอ พบปะชักชวนมาลงทุนเอง อย่างมากก็ขึ้นพูดบนเวทีในภาพรวม แล้วแยกวงกันไป ไม่มีแบบนายกฯพบเองรายบริษัทแบบนี้

นายกฯ “พี่นิดฟิตปั๋ง” คาดว่าจะใช้พลังงานไปมาก จนบางครั้งตึงเกินไป ก็ออกมานั่งทอดอารมณ์ คลายเครียดหน้าตึกไทย ประเดี๋ยวประด๋าว ให้สมองโปร่ง จนสุดจริงๆแล้วก็ลาพักร้อนไปชาร์จแบต 3-4 วัน ก็ยังไม่วายถูกค่อนแคะว่า “ไหนว่าไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย”

รถซูเปอร์คาร์ ต่อให้วิ่งเร็วแรงแค่ไหน ก็ยังต้องพักเครื่อง จะให้วิ่งฉิวต่อเนื่อง ก็มีแต่เครื่องจะพัง พลังหด หมดแรงไปเสียก่อน

เรื่องขยันทำงานคงไม่มีข้อสงสัยในตัวนายกฯพี่นิด แต่เรื่องการทำงานกับสื่อ ดูเหมือนว่ามีอยู่หลายครั้งที่ถูกถาม กริยาท่าทางที่ตอบกลับมา ดูจะไม่สบอารมณ์เท่าใดนัก ก็พอเข้าใจได้ บางคำถามเป็นการบั่นทอนกำลังใจ ที่สำคัญไม่ทำการบ้านกันก็มาก หุบปากไม่ทำหน้าที่ก็เยอะ

แต่ส่วนใหญ่ยังทำหน้าที่นักข่าวคุณภาพ คุณพ่อขอชื่นชมด้วยใจจริง

“คุณพ่อ” ได้ข่าวรอดรั้วทำเนียบออกมา เหตุเกิดหลังจากวันที่แถลงข่าวแก้หนี้ทั้งระบบ มีนักข่าวคนหนึ่ง ถามในรายละเอียด หลังนายกฯแถลงจบ เพื่อให้เกิดความชัดเจน เคลียร์ๆกันไป จนท่านนายกฯต้องหันไปหาทีมงานแล้วพูดว่า “ขอปากกาหน่อย จด จำไม่ได้เลย”

นอกจากนายกฯจะตอบเองแล้ว ก็ให้ประธานที่ปรึกษานายกฯ “พี่โต้ง-กิตติรัตน์ ณ ระนอง” มาช่วยตอบ จนทำให้ได้ตัวเลขหนี้ทั้งระบบอยู่ที่ 16 ล้านล้านบาทออกมา ก็ถือว่านักข่าวสายเศรษฐกิจคนนั้น ทำหน้าที่ได้สมภาคภูมิ ซักถามจนได้ตัวเลขสำคัญๆมา

แต่สุดท้ายก็เกิดเหตุสลด ในวิชาชีพสื่อมวลชนขึ้น เมื่อวันประชุมครม.ในสัปดาห์ต่อมา นักข่าวคนดังกล่าว ที่อาจจะถามไม่ตรงคำตอบ ได้รับแจ้งว่า ไม่ต้องเข้าไปทำข่าวในทำเนียบแล้วนะ

ทุกคนต่างก็มีหน้าที่ความรับผิดชอบของตัวเอง นักข่าวมีหน้าที่ซักไซ้ไล่เรียง แหล่งข่าวก็มีหน้าที่ตอบ หรือไม่ตอบ หรือเฉไฉ อะไรก็ว่าไป แต่ไม่ใช่ใช้อำนาจมืด มาเล่นงานลับหลังกันแบบนี้

มันทะแม่งๆ มาตั้งแต่การพิมพ์ลายน้ำชื่อเจ้าของลงในเอกสารครม.ของทีมโฆษกรัฐบาลแล้ว เพื่อหวังป้องกันไม่ให้เอกสารหลุด คาดโทษจะเล่นงานกันอีกต่างหาก

ถามนิดนะ หมายถึงขอถามนิดหนึ่ง ไม่ได้ถามนายกฯพี่นิดโดยตรง ว่าใครเป็นคนต้นเรื่องความคิดชั่วร้ายแบบนี้ การแทรกแซงการทำงานของสื่อ มีแต่คนที่คิดจะทำชั่วเท่านั้นที่จะลงมือ การปกปิดเอกสารก็เช่นกัน

ถ้าทำดี ซื่อสัตย์สุจริต เงยหน้าไม่อายฟ้า ก้มหน้าไม่อายดิน จะกลัวทำไม

ในทางตรงกันข้าม พวกคิดจะทำชั่ว โกงกิน ทุจริต ก็มักจะชอบปิดฟ้าด้วยฝ่ามือ ลองไปถามดูสิ ว่าสมัยรัฐบาล ปู-ยิ่งลักษณ์ ใครเป็นคนสั่งไม่ให้เข้าห้องรองโฆษกรัฐบาล ไปตามเอกสารแถลงครม. แล้วสุดท้ายเป็นไง “ทุจริตจำนำข้าว” แดงแจ๋ ออกมาเต็มๆ

อดีตมีไว้เป็นบทเรียน ไม่ใช่ให้เดินซ้ำรอย

ฝากท่านนายกฯพี่นิด สักนิด เพื่อความโปร่งใส ไม่ด่างพร้อย ช่วยตรวจสอบทีมงานให้หน่อย ว่าใคร หน้าไหน สาระแนทำเรื่องงามไส้แบบนี้ออกมา และให้หยุดการกระทำเสีย ไม่เช่นนั้น งานที่นายกฯนิดทุ่มเททำมาทั้งหมด อาจกลายเป็นการเตะผลประโยชน์เข้าปากหมา แปดเปื้อนมาถึงตัวนายกฯเองด้วย

ลำพังการจัดตั้งรัฐบาล ก็มีราคาที่ต้องจ่ายจนแทบจะหมดหน้าตักอยู่แล้ว  ถ้ายังแทรกแซงการทำงานของสื่อ หรือเหิมเกริมถึงขั้นทุจริต คอร์รัปชัน  คำว่า “ล้มละลายทางการเมือง” ยังอาจจะน้อยไป

หวังว่านายกฯเศรษฐา ที่พูดหลายเวทีว่า พร้อมรับฟังจากทุกฝ่าย คราวนี้จะรับฟังเสียงจากสื่อมวลชนบ้าง และอย่าเหมารวมมองสื่อเป็นศัตรู ควรให้พวกเขาได้เข้าถึงข้อมูลมากที่สุด ถามให้มากที่สุดเพื่อความกระจ่างใน นโยบายและรายละเอียด งานดีๆที่ทำ จะได้รับการส่งต่อสารอย่างชัดเจน ถูกต้อง

ต้องปรับทัศนคติกันเสียใหม่ “คำถามสื่อคือช่อดอกไม้ หาใช่หอกดาบที่คอยทิ่มแทง” ถ้าไม่ถาม ไม่ซักไซ้ คือไม่สนใจ ไม่มีความสำคัญ

คุณพ่อขอแซะ