ก่อนอื่น ย่าต้องขออภัยเพื่อนๆ พี่ๆ และลูกหลานที่เป็น FC ซึ่งรออ่านข้อเขียนของย่าเมื่อสัปดาห์ก่อนเพราะย่าไม่ได้มาตามนัด
เนื่องเพราะดันเข้าไปอยู่ใน “ตำบลกระสุนตก” ถูกข้าศึกข่าวจากหลายสำนักโยนระเบิดลงมาไม่รู้จักจบส้ิน ตั้งแต่ข่าว 3 ดารานักแสดงชื่อดังเข้าไปพัวพันกับบริษัทที่ทำธุรกิจเสมือนลูกผสมระหว่างขายตรง กับ แชร์ลูกโซ่ ฉ้อโกงประชาชนซ้ำแล้วซ้ำอีกจนกลายเป็นมหากาพย์ ที่ไม่มีวันตายไปจากประเทศไทย
และยังคงอยู่คู่กันไปกับสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค(สคบ.)ในแบบที่เรียกว่า “ฆ่าไม่ตาย ขายไม่ขาด” เหมือนลูกรักที่เลี้ยงกันมาในแบบสปอยจนเสียคน แต่ก็ฆ่าไม่ลง ตัดขาดกันก็ไม่ได้…ทำนองนั้นแหละ
นี่จึงทำให้มหากาพย์นี้ขยายวงกว้างออกไปเล่นงานพระสงฆ์นักเทศน์เบอร์ใหญ่ และนักการเมืองที่ถูกจัดชั้นให้เป็น “เทวดา” เสียด้วย
- ดีชั่วครบจบในเดือน ต.ค.
- จากเทวดา ดิไอคอน – แก้รัฐธรรมนูญ
ข่าวข้างต้นนี้ ผสมผสานเข้ากับข่าวอีกหลายเรื่อง อาทิ การเมืองเรื่องแก้ไขรัฐ ธรรมนูญปี 60 และ การนำเสนอร่างแก้ไขเพิ่มเติมพรบ.นิรโทษกรรม ซึ่งน่าจะ
ยุ่งขิง…
ถ้าคิดจะไปแก้แค้นศาลรัฐธรรมนูญเรื่อง คุณธรรมนักการเมือง กับ แก้ไขมา
ตรา 112 พร้อมๆกับให้มีการนิรโทษกรรมกันในแบบสุดซอยจรัลสนิทวงศ์อีก
แน่นอนว่า พรรคสีน้ำเงิน กับ พรรครทสช.ไม่ยอมเด็ดขาด
ยังมีประเด็นเรื่องนักร้อง ไปร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคเพื่อไทย รวมถึงพรรคร่วมรัฐบาลอื่นๆ ในข้อหาปล่อยให้ อดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร ครอบงำรัฐบาลด้วย
พ่วงติดมากับประเด็นเศรษฐกิจเรื่องของตลาดหุ้นไทย ที่ผงาดขึ้นไปทะลุเพดาน 1,500 จุด หลังจากกระทรวงการคลังส่งกองทุนวายุภักษ์มูลค่า 150,000 บาทเข้าไปดันดัชนี
ขณะที่ตลาดหุ้นเซอร์ไพรส์ กับการยอมปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ของ คณะ
กรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) ลง 0.25% ในรอบ 4 ปี แม้จะไม่เป็นไปตามคาดการณ์ที่แบงก์ชาติอาจลดอัตราดอกเบี้ยตามคุณพ่อเฟดลง 0.50% แต่อย่างน้อย ก็พอให้ได้กล้อมแกล้มกันไปโดยไม่แข็งขืนจนเป็นไม้แก่ดัดยาก
อย่างไรก็เหอะ การปรับลดอัตราดอกเบี้ย จะไม่ส่งผลใดๆหากแบงก์ชาติซึ่งกำกับดูแลแบงก์พาณิชย์ และกระทรวงการคลังซึ่งกำกับดูแลแบงก์รัฐไม่ดำเนินการใดๆ ในอันที่จะทำให้บรรดาแบงก์พาณิชย์ และแบงก์รัฐทั้งหลาย…
- กนง.ไม่ลดดอกตามคุณพ่อเฟด
- ธอส.ทำหน้าที่“รักษาบ้านให้คน”
คลอดแผนปรับลดดอกเบี้ยเพื่อช่วยเหลือลูกค้า โดยเฉพาะลูกค้าผ่อนบ้าน และที่อยู่อาศัย
ที่ ธนาคารอาคารสงเคราห์(ธอส.) หลังกนง.มีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% จาก 2.50% เหลือ 2.25% ต่อปี ธอส.ก็ประกาศปรับลดดอกเบี้ยเงินกู้ทุกประเภทลง 0.25% โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.2567 เป็นต้นไป แถมยังตรึงอัตราดอกเบี้ยเงินฝากให้ด้วยเพื่อส่งเสริมการออกของคนไทยต่อไป
กมลภพ วีระพล กรรมการผู้จัดการ ธอส.บอกย่าว่า เขาเตรียมออกมาตรการกระ ตุ้นเศรษฐกิจตามนโยบายของกระทรวงการคลัง และรัฐบาลมาพักใหญ่แล้วหลังจากกระทรวงการคลัง รอคอยให้แบงก์ชาติปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง
แต่ในฐานะเป็นสถาบันการเงินของรัฐ มีพันธกิจที่ต้อง “ทำให้คนมีบ้าน” ต่อเนื่องกันมาตลอด 70 ปี และในยามนี้ เขามีพันธกิจเพิ่มขึ้นอีกเรื่องซึ่งเป็นเรื่องสำคัญมากคือ “รักษาบ้านให้คน”
ส่ิงที่ ธอส.ทำเพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นคือ ลดภาระค่าครองชีพ และเพิ่มความสามารถในการจับจ่ายใช้สอยในชีวิตประจำวัน โดยการขยายระยะเวลาการให้กู้สูงสุดไม่เกิน 10 ปี
จากเดิมอายุผู้กู้ รวมกับระยะเวลาการให้กู้ สูงสุดไม่เกิน 70 หรือ 75 ปี ธอส.ได้ขยายเป็นไม่เกิน 80 หรือ 85 ปี แล้วแต่กรณี
- ยืดหนี้ช่วยลดเงินงวดได้เยอะ
- อัดฉีดกำลังซื้อให้คนไทย
การขยายระยะเวลาการให้กู้นี่ จะทำให้เงินงวดในการผ่อนชำระรายเดือนของลูก ค้าลดลง เพื่อช่วยเพิ่มศักยภาพในการผ่อนชำระเงินงวด และช่วยลูกค้าให้ยังคงสามารถรักษาบ้านของตนเองไว้ได้
ด้วยวิธีนี้ CEO กมลภพ ย้ำว่า วิธีนี้จะทำให้เงินงวดปรับลดลงเฉลี่ย 500 – 1, 000 บาทต่อเดือน เงินส่วนนี้ สามารถนำกลับไปใช้จ่ายในชีวิตประจำวันซึ่งนับเป็นการเพิ่มกำลังซื้อในระบบเศรษฐกิจ ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจไทยกลับมาขยาย
ตัวได้…
กระนั้น ธอส.ก็ต้องดำเนินการให้แก่ลูกค้าเดิมที่มีอยู่กว่า 4.4 ล้านคนก่อน โดยผู้สนใจที่จะขยายระยะเวลาการกู้ออกไปอีก สามารถยื่นคำร้อง และขอทำนิติกรรมได้ที่ ธอส.ทุกสาขาทั่วประเทศตั้งแต่วันนี้ถึง 30 ธ.ค.2567
ยิ่งแบงก์ชาติปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงตั้งแต่วันที่ 16 ต.ค.ที่ผ่านมา ธอส. ก็ย่ิงมีความสามารถในการช่วยรักษาบ้านให้คนได้มากขึ้น ด้วยการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้บ้านลง…
- ลดดอกกู้ทุกประเภท-ตรึงดอกฝาก
- อนาคต“เด็กไทย”หมดปัญญาซื้อบ้าน
โดยลูกค้ารายใหญ่ชั้นดีประเภทเงินกู้แบบมีระยะเวลา(MLR)ลดลงเหลือ 6.25%
ต่อปี ส่วนอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี ประเภทเงินกู้เบิกเงินเกินบัญชี (MOR) ปรับลดลงเหลือ 6.40% ต่อปี
ขณะที่อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายย่อยชั้นดี (MRR) ที่แบงก์ธอส.ได้ปรับลดอัต ราดอกเบี้ยให้ไปก่อนหน้านี้ในอัตรา 0.25% ต่อปี ซึ่งจะครบกำหนดมาตรการ
ในวันที่ 31 ต.ค.นี้ จะได้รับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในครั้งนี้ด้วยเช่นกันโดยดอกเบี้ยเงินกู้จะอยู่ที่ 6.545% ต่อปี มีผลตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.2567 เป็นต้นไป
ส่วนอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก แบงก์ธอส.พร้อมตรึงไว้ในอัตราเดิมให้นานที่สุดเพื่อส่งเสริมการออมภาคประชาชนต่อไป
การปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง จะช่วยบรรเทาภาระหนี้ให้กับประชาชนได้ก็เมื่อแบงก์ชาติ ช่วยเร่งรัดผลักดันให้แบงก์พาณิชย์ คลอดมาตรการที่เป็นการขาน รับการปรับลดหนี้เงินกู้ยืมบ้าน และที่อยู่อาศัยด้วย เพื่อเป็นการลดหนี้สาธารณะที่อยู่ในระดับสูงกว่า 92% ลงโดยอัตโนมัติได้ด้วย
จะให้เรื่องของบ้านอยู่อาศัยเป็นของ “คนรวย” เท่านั้น โดยที่เด็กไทยวันข้างหน้าหมดโอกาสจะมีบ้าน หรือ ซื้อบ้านอยู่ได้…
ถ้าไม่มีใครให้โอกาส และ ความเป็นธรรมในเรื่องของอัตราดอกเบี้ย กับ การ “ทำให้คนไทย” มีบ้าน และ “รักษาบ้าน” ไว้ให้ได้ ตามอย่างวัตถุประสงค์ ของ ธอส.ล่ะก็ สังคมไทยคงไม่เป็นสุข
คุณย่าขาซิ่ง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง : กระแสดี! ธอส. ขยายวงเงิน สินเชื่อบ้าน 71 ปี จัดอีก 5 หมื่นล้านบาท