สงครามราคารถอีวี เด็ดดอกไม้สะเทือนถึงดวงดาว

สงครามราคารถอีวี
คอลัมน์คุณย่าขาซิ่ง


เห็นข่าว ตลาดรถยนต์ ทั้งมือหนึ่ง-มือสอง-รวมมือสาม และมือสี่ที่เต้นท์รถแต่ละแห่งรับหน้าเสื่อกันไปแล้ว จัดว่า โกลาหล เอาการ แม้ที่ผ่านมาหลายทศวรรษ อุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ของประเทศไทยที่ได้ชื่อว่า ส่งออกเป็นอันดับ 1 ก็ยังไม่เคยมีความว้าวุ่นกันถึงขนาดนี้

ปัญหาเกิดขึ้นเพราะอะไร และ ถ้าไม่ใช่รัฐบาล ใครจะหยุดวิบากกรรมที่กำลังจะกระทบกระเทือนถึง ระบบเศรษฐกิจโดยรวม ของประเทศได้?!

เริ่มต้นจากปัญหาแรก เศรษฐกิจฝืดเคือง กำลังซื้อหดหาย จู่ๆผู้กคนก็ไม่ใช้เงินกันทั่วโลก ส่วนพวกที่ยังใช้เงินอยู่ ก็จะซื้อเฉพาะสินค้าราคาถูกที่มาจากประเทศจีนเป็นหลัก ส่งผลให้โรงงานอุตสาหกรรมหลายแห่งปิดตัว เพราะถูกสินค้าจีนดัมพ์ราคาลงมา ในขณะที่สถาบันการเงินไม่ปล่อยกู้

มาถึงตรงนี้ จะเห็นว่าไม่ใช่เศรษฐกิจประเทศไทยที่เดียวที่ฝืดเคือง แต่เศรษฐกิจทั่วโลกทั้งสหรัฐฯ ยุโรป และเอเชีย ก็ฝืดไปด้วย เพราะสงครามนั่นปะไร ใครๆก็ต้องเก็บเงินไว้ และซื้ออาหาร ยา เครื่องนุ่งห่มตุนไว้ ถ้าไม่ใช่มหาเศรษฐีประเภทที่มีเงินหนาขนาด 1,000 – 2,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯล่ะก็ อย่าได้บังอาจใช้เงินสะเปะสะปะไปเชียว!!

กลับมาพูดถึงรถยนต์ที่อยู่ในสภาพที่ผู้ซื้อผ่อนไม่ไหว และถูกไฟแนนซ์ยึดเหมือนบ้านที่อยู่อาศัยที่ถูกยึด และขายไม่ออกจำนวนมากน่ะ นับจากปี 2566 ที่ผ่านมา มีรถยนต์มือสองหลุดไฟแนนซ์สะสมมา 320,000 คัน

ผสมกับช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ มีรถยนต์หลุดมาอีก 200,000 คัน ถ้าประเมินรวมไปจนถึงสิ้นปี ยอดรวมรถยนต์มือสองที่ไม่มีใครอยากได้ และไม่มีปัญญาเก็บไว้อาจสูงกว่า 600,000 คัน นั่นต้องใช้พื้นที่เกือบครึ่งหนึ่งของท่าเทียบเรือที่จะขนส่งรถยนต์ประกอบใหม่ไปขายในต่างประเทศเลย

สถานการณ์ตลาดรถยนต์ทรุดลงอีก เมื่อรถยนต์ EV ที่ส่งขายทั่วโลก ขายแทบไม่ได้ และล้นตลาดจนต้องส่งกลับมาไปยังประเทศต้นทางอย่างจีน โดยมีบางรุ่นที่กระเส็นกระสายเข้ามายังประเทศไทย ส่งผลให้รถยนต์ EV ในประเทศไทยล้นตลาดจนต้องประกาศปรับลดราคาลงแทบทุกค่าย

ล่าสุดที่ผู้ซื้อรถยนต์ออกมาโวยวายกันขึ้นจนเป็นข่าวก็คือ ค่ายรถยนต์ BYD จากประเทศจีน ซึ่งเพิ่งตั้งโรงงานในประเทศไทยเสร็จสิ้น ออกประกาศปรับราคาลงมาอีกคันละประมาณ 500,000 บาท หลังจากที่ลูกค้าในไทยเพิ่งซื้อไปได้ไม่กี่วัน

ไม่ใช่แต่ค่ายรถยนต์จากประเทศจีนเท่านั้นที่ยอมหั่นราคาลงมาเป็นแถวๆ แต่ค่ายรถยนต์จากสหรัฐฯอย่าง เทสล่า ก็หั่นราคารถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ของตนลงคันละ 500,000 บาทเช่นกัน

เมื่อค่ายรถยนต์ไฟฟ้าสู้ราคากันขนาดหนักเช่นนี้ ค่ายรถยนต์สันดาปเจ้าถิ่นอย่างญี่ปุ่น อย่าง ค่ายรถยนต์มาสด้า จึงอัดแคมเปญหั่นราคารถยนต์ มาสด้า รุ่น CX -5 จากราคาจำหน่าย 1,490,000 บาท ลง 200,000 บาท แถมให้ผ่อน 0% นานถึง 84 เดือน เป็นการสู้ศึกกำลังซื้อแผ่ว และสงครามราคารถยนต์ไฟฟ้ากับค่ายรถจากประเทศจีนด้วย

ขณะเดียวกัน รถยนต์ซูซูกิ ของญี่ปุ่น รวมทั้ง เกีย และ ฮุนไดจากค่ายเกาหลี ก็จัดแคมเปญลดกระหน่ำซัมเมอร์เซลส์กันสุดๆ ส่วนค่ายใหญ่ฮอนด้า ลงสนามแข่งด้วยการออก CRV ไฟฟ้ามาสู้ เช่นเดียวกับที่ค่ายรถจากญี่ปุ่นต่างก็เร่งการเข็นรถ ไฮบริด และปลั๊กอิน ออกมาในตลาดเพิ่มขึ้น

ทีนี่ถามว่า ไอ้เจ้านโยบายจ่ายเงินอุดหนุนรถยนต์ไฟฟ้าของรัฐบาล ยกเลิกไปหรือยัง ตอบว่า ยังนะจ๊ะ

รัฐบาลยังคงให้บอร์ดอีวี(คณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ) ให้เงินอุดหนุนรถยนต์ และรถกระบะไฟฟ้าตามประเภทและขนาดของแบตเตอรี่อยู่ เริ่มตั้งแต่คันละ 100,000 บาทลงไป พร้อมลดอัตราอากรขาเข้ารถยนต์สำเร็จรูปและ ภาษีสรรพสามิตตลอดระยะเวลา 4 ปีด้วย

คิดกันเอาเองละกันว่า รัฐบาลเค้าจะแก้ปัญหานี้กันอย่างไร หรือได้แต่มองตากัน เหมือนกับที่ปล่อยให้สินค้าจีนดัมพ์เข้ามาในตลาดไทย นั่นไง ?!

คุณย่าขาซิ่ง