แรงช้อนซื้อหุ้นถูก ดันดาวโจนส์กลับมาปิดบวก 141 จุด

มีแรงช้อนซื้อหุ้นกลับเข้ามาในตลาดหลังดัชนีลงแรงนักลงทุนประเมินการแสดงความเห็นของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้แนวโน้มการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกที่แท้จริงของเฟด

  • นักลงทุนกลับมาซื้อหุ้น หลังเห็นแนวโน้มดอกเบี้ยที่ชัดเจนขึ้น จากเจ้าหน้าที่ระดับสูงเฟด
  • ตลาดเริ่มปรับตัว หลังดอกเบี้ยเฟดน่าจะไม่ลดลงเร็วอย่างที่คาดก่อนหน้า
  • นักลงทุนจับตาตัวเลขเศรษฐกิจ -ซื้อขายหุ้นตามผลประกอบการบริษัทที่ทยอยประกาศออกมา

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดตลาดวันที่ 6 ก.พ.ที่ 38,521.36 จุด เพิ่มขึ้น 141.24 จุด หรือ +0.37%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,954.23 จุด เพิ่มขึ้น 11.42 จุด หรือ +0.23% ส่วนดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส ปิดที่ 15,609.00 จุด เพิ่มขึ้น 11.32 จุด หรือ +0.07%

เจ้าหน้าที่ระดับสูงของเฟดหลายรายได้ออกมาแสดงความเห็นเรื่องอัตราดอกเบี้ย และเงินเฟ้อ โดยนายนีล แคชแครีประธานเฟดสาขามินนีแอโพลิสกล่าวว่า ภารกิจด้านการควบคุมเงินเฟ้อของเฟดยังไม่เสร็จสิ้น แม้เขามองว่าข้อมูลในช่วงเวลา 3-6 เดือนที่ผ่านมาบ่งชี้ว่าเงินเฟ้อได้ชะลอตัวลงอย่างรวดเร็วก็ตาม

ขณะที่นางลอเรตตา เมสเตอร์ ประธานเฟดสาขาคลีฟแลนด์กล่าวว่า หากเศรษฐกิจสหรัฐอยู่ในทิศทางที่เธอคาดการณ์ไว้ ก็อาจเปิดทางให้มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ย แต่นางเมสเตอร์กล่าวว่าขณะนี้เธอยังไม่พร้อมที่จะระบุช่วงเวลาของการผ่อนคลายนโยบายการเงิน เนื่องจากเงินเฟ้อยังคงมีความไม่แน่นอน

นักวิเคราะห์มองว่า จากความเห็นของนางเมสเตอร์และนายแคชคารีถือเป็นการยืนยันสิ่งที่นายเจอโรม พาวเวลประธานเฟดได้กล่าวในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า เฟดจะยังไม่ลดดอกเบี้ยในช่วงไตรมาสแรกปีนี้ แต่อาจจะขยับออกไปเป็นไตรมาสที่ 2

นักลงทุนยังลงทุนซื้อขายหุ้นตามลผลประกอบการที่ทยอยประกาศออกมา โดยดัชนีหุ้นกลุ่มวัสดุและกลุ่มอสังหาริมทรัพย์พุ่งขึ้น 1.7% และ 1.49% ตามลำดับ ขณะที่ดัชนีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีติดลบ 0.48% และกลุ่มบริการด้านการสื่อสารปรับตัวลง 0.21%

หุ้นกลุ่มสายการบินพุ่งขึ้น หลังมีสัญญาณบ่งชี้ว่าอุปสงค์ด้านการเดินทางจะมีความแข็งแกร่ง ขณะที่หุ้นสายการบินฟรอนเทียร์ กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (Frontier Group Holdings) ทะยานขึ้นแข็งแกร่งกว่า 20% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาด

หุ้นจีอี เฮลธ์แคร์ เทคโนโลยีส์ ซึ่งเป็นบริษัทเทคโนโลยีด้านการแพทย์ พุ่งขึ้น 11.6% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งเกินคาดในไตรมาส 4/2566 และเป็นปัจจัยหนุนหุ้นกลุ่มเฮลธ์แคร์ในดัชนี S&P500

หุ้นกลุ่มวัสดุได้รับแรงหนุนหลังจากบริษัทดูปองท์ เดอ เนอมูร์ (DuPont de Nemours) เปิดเผยผลประกอบการที่สูงเกินคาดในไตรมาส 4/2566 พร้อมทั้งประกาศแผนการซื้อหุ้นคืนมูลค่า 1 พันล้านดอลลาร์และเพิ่มการจ่ายเงินปันผล

ส่วนดัชนีหุ้นกลุ่มธนาคารภูมิภาค (KBW Regional Bank Index) ร่วงลงอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับเสถียรภาพด้านการเงินของธนาคารระดับภูมิภาคในสหรัฐ หลังจากธนาคารนิวยอร์ก คอมมิวนิตี้ แบงคอร์ป(New York Community Bancorp) เปิดเผยตัวเลขขาดทุนในไตรมาส 4/2566 และประกาศลดการจ่ายเงินปันผล

นักลงทุนจับตารายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน โดยข้อมูลจากแอลเอสอีจี (LSEG) ระบุว่า ขณะนี้มีบริษัทกว่าครึ่งหนึ่งในดัชนี S&P500 ที่ได้รายงานผลประกอบการแล้ว โดยในจำนวนนี้มี 81.2% ที่รายงานผลประกอบการสูงกว่าคาด