พาณิชย์เผยปี 67 สารพัดปัจจัยเสี่ยงรุมเร้าข้าวไทย

พาณิชย์เผยปี 67 สารพัดปัจจัยเสี่ยงรุมเร้าข้าวไทยคาดส่งออกได้ 7.5 ล้านตัน ลดจากปี 66 ที่ 8.76 ล้านตัน

  • เหตุคาดผลผลิตลด-ผู้ซื้อหลายประเทศสต๊อกเหลือทำลดนำเข้า
  • อินเดียส่อกลับมาส่งออกอีกครั้งและจีนผลิตเพียงพอลดนำเข้า

นายรณรงค์ พูลพิพัฒน์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ปี 66 ไทยส่งออกข้าวไปทั่วโลกได้ 8.76 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 13.62% จากปี 65 และเกินกว่าเป้าหมายที่กำหนดไว้ 8 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่า 178,136 ล้านบาท หรือ 5,144 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 28.43% ส่วนเดือนม.ค.67 ส่งออกได้แล้ว 1.12 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 43.96% จากเดือนม.ค.66 ที่ขออนุญาตส่งออก 779,654 ตัน อย่างไรก็ตาม กรมและสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยคาดการณ์ทั้งปี 67 ไทยจะส่งออกข้าวได้เพียง 7.5 ล้านตัน ลดลงจากปี 66

โดยมีสาเหตุมาจากคาดการณ์ว่า ผลผลิตข้าวไทยปีนี้จะลดลง 5.87% เทียบกับปี 66 หลังได้รับผลกระทบจากปรากฏการณ์เอลนีโญ อีกทั้งการส่งออกอาจเผชิญกับการแข่งขันและความท้าทายหลายด้าน โดยเฉพาะจากผลผลิตข้าวโลกที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นมากกว่าปีที่ผ่านมา ขณะที่การนำเข้าข้าวของประเทศคู่ค้ามีแนวโน้มลดลง เพราะหลายประเทศ บริโภคข้าวลดลง เช่น จีน ญี่ปุ่น และมาเลเซีย ทำให้การแข่งขันทางด้านราคารุนแรงขึ้น อีกทั้งไทยมีต้นทุนการผลิตสูง ทำให้ราคาข้าวไทยสูงกว่าคู่แข่ง ทั้ง จีน เวียดนาม และอินเดีย

นอกจากนี้ ยังมีสัญญาณว่า อินโดนีเซียอาจซื้อข้าวน้อยกว่าปี 66 เพราะยังมีข้าวค้างสต็อกจากปี 66 มาก เช่นเดียวกับจีน ที่ปลูกข้าวมากขึ้นและเริ่มปรับเปลี่ยนจากการเป็นผู้นำเข้าข้าว มาเป็นผู้ผลิตข้าวที่เพียงพอต่อการบริโภคในประเทศ และอาจเป็นผู้ส่งออกในอนาคต ขณะที่อินเดีย ผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ของโลก อาจยกเลิกระงับการส่งออกข้าวขาว ซึ่งจะทำให้อินเดียกลับมาส่งออกข้าวได้เสรีได้ตามปกติ

สำหรับแนวทางสนับสนุนการส่งออกข้าวไทยปี 67 นั้น กรมร่วมมือกับภาครัฐและเอกชน เพื่อผลักดันการส่งออกข้าวไทย โดยมุ่งรักษาตลาดเดิม เพิ่มตลาดใหม่ โดยมีกิจกรรมหลัก เช่น การจัดงานประชุมข้าวนานาชาติ 2024 ในเดือนพ.ค.67 ซึ่งเป็นงานประชุมใหญ่ ที่ผู้เชี่ยวชาญในวงการค้าข้าวโลก จะมาเจรจาธุรกิจ รวมทั้งจะจัดงานประชุมข้าวนานาชาติสัญจรไปจังหวัดต่างๆ เพื่อให้ข้อมูลแนวโน้มตลาดข้าวโลก ซึ่งจะช่วยให้เกษตรกรเพาะปลูกพันธุ์ข้าวที่ตรงกับความต้องการตลาดยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ยังมีแผนเดินทางไปขายข้าวที่ประเทศต่างๆ ทั้งทวีปแอฟริกาใต้ ฮ่องกง ญี่ปุ่นสิงคโปร์ มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ รวมทั้งเจรจาซื้อขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) กับอินโดนีเซียและจีน

ขณะเดียวกัน จะหาทางรับมือปัญหาราคาข้าวไทยสูงกว่าคู่แข่ง ซึ่งจำเป็นต้องเร่งเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลก โดยพัฒนาพันธุ์ข้าวให้มีผลผลิตต่อไร่สูง และไม่ควรน้อยกว่าผลผลิตต่อไร่ของประเทศผู้ส่งออกอื่น ที่ปัจจุบันสูงกว่าไทยทั้งสิ้น ประกอบกับ ต้องพัฒนาพันธุ์ข้าวให้ต้านทานโรคและแมลง เพื่อลดต้นทุนการใช้ปุ๋ยและยากำจัดแมลง หากไทยไม่เร่งดำเนินการ จะทำให้ไทยเสียเปรียบในการแข่งขันด้านราคาในตลาดโลกในที่สุด