“เศรษฐา” ขอให้ครม. น้อมนำพระราชดำรัสในหลวงเป็นแนวทางทำงาน

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)

“เศรษฐา” ขอให้ครม. น้อมนำพระราชดำรัสในหลวงเป็นแนวทางทำงาน   เผย ยกเว้นวีซ่าไทย-จีนแบบถาวร เริ่ม 1 มีนาคม 2567​

  • เข้าไป 1 ครั้ง อยู่ได้ 30 วัน
  • ถ้าเข้ามากกว่า 1 ครั้ง ภายใน 180 วัน
  • อยู่ได้รวมกันไม่เกิน 90 วัน

วันนี้ (2 ม.ค. 67) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)ว่า ได้มอบหลักสำคัญในการทำงานให้แก่ครม.ขอให้น้อมนำพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ได้พระราชทานในโอกาสปีใหม่ เรื่องของการทำงาน การสืบสานประเพณีวัฒนธรรมไทยอันดีงามของไทยมาปฏิบัติในการทำงาน โดยปีนี้เป็นปีมหามงคล รัฐบาลได้จัดงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567

นายเศรษฐา กล่าวว่า  จากที่มีการยกเว้นวีซ่าให้กับคนจีนเข้ามาประเทศไทย ถึงวันที่ 29 กุมภาพันธ์นี้ และจะหมดลงแล้ว นโยบายของรัฐบาลนี้ อย่างไรก็ตามตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคมนี้เป็นต้นไป การเดินทางไปกลับทั้ง 2 ประเทศ ไม่ต้องมีวีซ่าระหว่างกันและกัน เป็นการยกระดับ ความสัมพันธ์ และความสำคัญของพาสปอร์ตไทย

ด้านนายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรีและรมว.การต่างประเทศ ในรายงานในครม.ว่า ไทยและจีนมีข้อสรุปอย่างไม่เป็นทางการว่า  ตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค.นี้เป็นต้นไป คนไทยและคนจีนจะเดินทางไปมาซึ่งกันและกันโดยไม่ต้องใช้วีซ่าแบบถาวร เข้าไป 1 ครั้ง อยู่ได้ 30 วัน ถ้าเข้ามากกว่า 1 ครั้ง ภายใน 180 วัน อยู่ได้รวมกันไม่เกิน 90 วัน  โดยหลังจากที่ครม.เห็นชอบในร่างข้อตกลงระหว่างไทย-จีนแล้วในวันนี้(2ม.ค.) จะมีการลงนามกันอย่างเป็นทางการภายในสิ้นเดือนก.พ.นี้

นอกจากนี้ ครม.ยังได้มีมติให้เพิ่มวันในการทำการประมงให้กับเรือประมงจำนวน 1,200  ลำ เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาประมงไทย โดยให้เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค 2567 เป็นต้นไป เพื่อเป็นการสร้างงานให้กับแรงงานมากกว่า 20,000 คน และสร้างรายได้ให้กับประเทศกว่าพันล้านบาท ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นในการคืนอาชีพ คืนชีวิตให้ชาวประมงไทย

นายเศรษฐากล่าวว่าสำหรับการเดินทางของประชาชนในช่วงเทศกาลปีใหม่ จากรายงานข้อมูลอุบัติเหตุทางถนนในช่วงเทศกาลปีใหม่ปี 2567 โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ภาพรวมการเกิดอุบัติเหตุ ผู้บาดเจ็บ ผู้เสียชีวิต ณ วันที่ 1 ม.ค. 67 ลดลงจากปีที่ผ่านมาอย่างมีนัยสำคัญ เช่น ผู้เสียชีวิต ลดลงจาก 218 ราย เหลือ 128 ราย ในปีนี้  หวังว่าในปีต่อไป ทุกหน่วยงานจะช่วยกันเพื่อให้ภาพรวมการเกิดอุบัติเหตุลดลงได้ มากกว่านี้อีก

ส่วนกรณีกระแสการวิพากษ์วิจารณ์ในการบริหารจัดการของบริษัท ขนส่ง จากัด (บขส.) ในพื้นที่การให้บริการของสถานีขนส่งผู้โดยสารหมอชิต 2 ไม่เรียบร้อย ไม่มีความปลอดภัยพื้นฐานให้กับประชาชน นั้น นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า จากการรายงานของกระทรวงคมนาคมได้รับทราบว่า บขส. ได้แก้ไขปัญหาต่าง ๆ ดูแลความปลอดภัยของประชาชนบริเวณสถานีขนส่ง มีการตรวจสอบพนักงานขับรถและสภาพรถโดยสารให้มีความพร้อมในการให้บริการผู้โดยสารและอำนวยความสะดวกในการเดินทางของประชาชนอย่างต่อเนื่อง และสามารถให้บริการประชาชนได้ตามปกติในช่วงปีใหม่ อย่างไรก็ตาม ขอให้กระทรวงคมนาคมพัฒนาคุณภาพการให้บริการประชาชน ปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานอาคารชานชาลา และสิ่งอำนวยความสะดวก เพื่อยกระดับคุณภาพการให้บริการให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นต่อไปด้วย

โดยให้ตั้งเป้าหมายที่เป็นรูปธรรมในช่วงสงกรานต์นี้ และขอเชิญชวนรัฐมนตรี ที่เกี่ยวข้องร่วมกันยกระดับคุณภาพการให้บริการประชาชนในทุกมิติ โดยเฉพาะการขนส่งและเดินทางกลับภูมิลำเนาของพี่น้องประชาชนทั่วประเทศ ทั้งนี้ ให้ทีมโฆษก เตรียมการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบล่วงหน้า เพื่อให้สามารถวางแผนการเดินทางได้อย่างเหมาะสมกับสถานการณ์

นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงมาตรการ easy e-Receipt ซึ่งเริ่มใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2567 ไปจนถึงวันที่ 15 ก.พ. 2567 เป็นหนึ่งในมาตรการที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการบริโภคภายในประเทศในช่วงต้นปี 2567 ของรัฐบาล จึงขอให้กรมประชาสัมพันธ์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ช่วยประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้ทราบถึงรายละเอียด/ระยะเวลาในการดำเนินมาตรการ เพื่อสนับสนุนให้เกิดการจับจ่ายใช้สอยตามวัตถุประสงค์ของมาตรการดังกล่าวด้วย