ซาอุ วิชั่น 2030 รับนักท่องเที่ยว 70 ล้านคน มีแต่โรงแรมหรูและแพงเกินไป

Red Sea ซาอุ วิชั่น 2030
Nujuma A RitzCarlton Reserve ที่ Red Sea

ในการประชุม Future Hospitality Summit (FHS) ที่กรุงริยาด ประเทศซาอุดิอาระเบีย ในสัปดาห์นี้มีข้อมูลระบุว่า จวบจนถึงปลายทศทวรรษนี้ ซาอุ คาดว่าจะมีโรงแรมใหม่ เพิ่มขึ้นถึง 320,000 ห้อง สะท้อนเป้าหมายการท่องเที่ยว ซาอุ วิชั่น 2030 ต้องปรับตัว

โดยข้อมูลของ ไนท์แฟรงค์ ระบุว่า จำนวน 82% จะเป็นโรงแรมในกลุ่มระดับบนและกลุ่มหรูหรา ในปัจจุบ้นมีตัวเลข 66% ของห้องพักจำนวน 149,000 ห้อง เป็นกลุ่มโรงแรมระดับบนและกลุ่มหรูหรา เช่นกัน

จากวิสัยทัศน์ Saudi Vision 2030 ที่มีเป้าหมายดึงนัก่องเที่ยวต่างชาติถึง 70 ล้านคน ในปี 2030 หากจะดูตัวเลขในปี 2019 ที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวต่างชาติ จำนวน 27 ล้านคน ซี่งหลายคนเป็นการเดินทางเพื่อกิจกรรมทางศาสนามากกว่าที่จะเดินทางมาพักผ่อนหย่อนใจ กับแหล่งท่องเที่ยวท่ีถูกพัฒนาขึ้นมาใหม่

แห่ลงทุนแต่โรงแรมลักชัวรี่ 

Elie Milky รองประธานฝ่ายพัฒนาระดับภูมิภาคของ Radisson กล่าวว่า กล่าวในที่ประชุมสุดยอดว่า โครงการลงทุนของภาคเอกชนทางด้านอารมณ์เริ่มจะหมดไป เราจำเป็นต้องลงทุนให้สอดคล้องกับกลยึทธ์ของการท่องเที่ยว เราไม่จำเป็นต้องลงทุนโรงแรมระดับ 5 ดาวเพียงอย่างเดียว มันเสี่ยงเกินไป สำหรับนักลงทุนบางคน อาจเป็นความคิดที่ดีสำหรับโรงแรมห้าดาว แต่คุณอาจไม่เห็นผลตอบแทนจากการลงทุน

การพัฒนาหลายโครงการได้รับทุน จากกองทุนเพื่อการลงทุนสาธารณะ (PIF) ของซาอุดีอาระเบีย  โดยมีมกุฏราชกุมาร โมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน เป็นเจ้าของและพัฒนาสถานที่ท่องเที่ยว  เช่น Neom, Diriyah Gate และ The Red Sea ซึ่งเป็นสถานที่พักผ่อน 3 แห่งที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกหรูหรามากมาย

“โครงการขนาดใหญ่” ถูกสร้างขึ้นเฉพาะกับโรงแรมห้าดาวเท่านั้น บางแห่งกำลังวางแผนที่จะจำกัดการเข้าชมด้วยเช่นกัน ทำให้การรองรับผู้เยี่ยมชม 70 ล้านคนทำได้ยากยิ่งขึ้น

Knight Frank Infographic
ข้อมูลตลาดโรงแรม ซาอุดิ อาระเบีย 2024 โดย Knight Frank

The Red Sea เชป็นตัวอย่างหนึ่ง โครงการ ตามแนวชายฝั่งของซาอุ คล้ายกับมัลดีฟส์ โดยกำลังวางแผน ที่จะเปิดโรงแรมหรู 50 แห่ง โดบ 16 แห่งภายในปี 2025 และอีก 34 แห่ง จะเปิดก่อนปี 2030

แม้จะมีการลงทุนหลายพันล้านดอลลาร์ The Red Sea เป็นเพียงหนึ่งใน 70 โครงการเพื่อบรรลุเป้าหมาย การท่องเที่ยวระหว่างประเทศ โดยโครงการดังกล่าว จะเปิดให้เยี่ยมชม หลังการการสร้างเสร็จสิ้น  เพื่อป้องกันสิ่งแวดล้อม

อย่างไรก็ตามเนืองจากโครงการหรูหราไม่สามารถบรรลุเป้าหมายของการท่องเที่ยวได้มากนัก นักพัศนาโรงแรมจึงมองหา แบรนด์โรงแรม ห้องพัก ที่มีราคาประหยัดมากขึ้น

Panos Loupasis  ผู้บริหารประจำภูมิภาคของ Wyndham  กล่าวว่า โรงแรมในซาอุจะกลายเป็นพักผ่อนแบบเอ็กซ์คลูซีฟ นั่นจะเป็นปัญหา เพราะถ้าหากคุณต้องการดึงดูดนักท่องเที่ยวมาเดินทางมาเยือนครั้งแล้วครั้งเล่า ให่ไปเยี่ยมชมหลายๆ เมือง มันไม่สามารถทำแบบเอ็กซ์คลูซีฟได้  การทำโรงแรมระดับ 3 ดาวตึงเป็นปัจจัยสนับสนุนการเดินทาง มีทางเลือกให้นักเดินทางมากขึ้น

 JS Anand ซีอีโอของ Leva Hotel ซึ่งเป็นโรงแรมระดับกลางในซาอุกล่าวว่า  ตลาดไม่ได้มีการศึกษาเป็นอย่างดีสำหรับแบรนด์ระดับกลาง ดูเหมือนว่าซาอุจะเน้นไปที่ความหรูหรา ไม่ใช่ทุกคนจะจ่าย่าโรงแรมคืนละ 2,000 ดอลลาร์ได้

โรงแรม 3 ดาวจะตอบโจทย์การท่องเที่ยวได้ดี

Falih Motasim Hajaj ซีอีโอของ Tashyid Urban Development กล่าวว่า โรงแรมระดับกลางถือเป็นที่พักหลักในเมืองต่างๆ ผู้คนจำนวนมากในกลุ่มนี้เพียงแค่มองหาความหรูหราและความเย้ายวนใจมากกว่ากลยุทธ์การลงทุนที่แท้จริง

Jean-Jacques Morin รองซีอีโอกลุ่ม Accor  กล่าวว่า Accor เป็นหนึ่งในผู้พัฒนาโรงแรมในซาอุรายใหญ่ที่สุด ต้องการลงทุนในโรงแรม 45 แห่ง ห้องพักกว่า 9,800 ห้อง ภายในปี 2030  โดยโรงแรมหรูจะอยู่ในทำเลหลักๆ เช่น Neom, Red Sea, Diriyah และอื่นๆ” เขากล่าว “เราเป็นผู้ดำเนินการรายใหญ่ที่สุดในเมืองศักดิ์สิทธิ์เช่นกัน… ในขณะที่เมืองรอง เรามีกลยุทธ์สำหรับระดับพรีเมียม ขนาดกลาง และราคาประหยัด”

สำหรับโครการ Giga มีโรงแรมขนาดกลางเพียงไม่กี่แห่งเท่านั้น ส่วนใหญจะเป็นที่พักสำหรับ ที่ปรึกษา ผู้รับเหมา และสถาปนิกที่เข้ามาใหม่ The Red Sea มีโรงแรม Turtle Bay เพื่อรองรับพนักงาน ในขณะที่ Trojena ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Neom มี Hampton by Hilton เปิดให้บริการอยู แม้แต่โรงแรมแห่งนี้ ก็ยังตั้งราคาสูง เพราะเป็นโรงแรมแห่งเดียว สำหรับนักธุรกิจ ที่จะใช้ในพื้นที่

Amir Lababedi ผู้บิรหารภูมิภาคของ  Hilton กล่าวว่า ในวันนี้การเปลี่ยนแปลงโรงแรมขนาดกลางจะผลักดันผลกำไรที่เหนือชั้น เท่าที่เราทำได้ เราจะแปลงอาคารที่มีอยู่ Trojena  ไม่มีโรงแรมที่ผู้รับเหมารายใดสามารถใช้ได้ นั่นเป็นเหตุผลที่เราน Hampton  มา

เขาเสริมว่าฮิลตันกำลังมองหาโรงแรมราคาประหยัดหลายแห่งในซาอุดิอาระเบียเพื่อเป็นทางเลือกสำหรับแบรนด์ Spark

การคาดการณ์นักท่องเที่ยวภายในปี 2030 ของซาอุ

  • The Red Sea: 1 ล้านคน
  • Amaala: 5 แสนคน
  • Trojena (a part of Neom): 7 แสนคน
  • Sindalah (a part of Neom): 876,000 คน
  • Neom altogether: 5 ล้านคน
  • Diriyah: 50 ล้านคน (รวมทริปในประเทศ)

วิสัยทัศน์ 2030 سعودي (Saudi Vision 2030) เป็นแผนแม่บทระยะยาวของซาอุดีอาระเบียเพื่อลดการพึ่งพาน้ำมัน ปรับเปลี่ยนโครงสร้างเศรษฐกิจ และยกระดับภาคบริการสาธารณะ

โดยการส่งเสริมการท่องเที่ยวเป็นหนึ่งในกลยุทธ์หลัก โดยมีเป้าหมายดังนี้:

  • ดึงดูดนักท่องเที่ยว 150 ล้านคนต่อปีภในประเทศ 80 ล้านคน ต่างประเทศ 70 ล้านคน 
  • เพิ่มรายได้จากการท่องเที่ยวเป็น 1.6 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 6.05 ล้านล้านบาท)
  • สร้างงาน 1.4 ล้านตำแหน่งในภาคการท่องเที่ยวภาย

ที่มา: : https://skift.com/2024/05/01/saudi-arabias-vision-2030-is-too-expensive-for-tourists-and-everyone-knows-it/

ข่าวที่เกี่ยวข้อง 

: https://www.vision2030.gov.sa/en/

: ส่องสนามบินใหญ่ที่สุดในโลก สนามคิงซัลมาน ของซาอุเตรียมเปิดปี 2030