ถอดรหัสคำพูด“ชลน่าน” – “ชูวิทย์”ส่งสารตั้งรัฐบาลสูตรเดียวกัน แกนนำคือ “ภูมิใจไทย” ฉีกทิ้งเอ็มโอยู 8 พรรคร่วม
หลังจากที่พรรคเพื่อไทยรับไม้ต่อจากพรรคก้าวไกล เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล และได้เชิญแกนนำพรรคขั้วฝ่ายตรงข้ามมาหารือ เปิดฉากด้วยพรรคภูมิใจไทย พรรครวมไทยสร้างชาติ พรรคชาติพัฒนากล้า พรรคชาติไทยพัฒนา และพรรคพลังประชารัฐ ช่วงระหว่างวันที่ 22-23กรกฎาคม 2566
วันถัดมา นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ได้พูดเรื่องการจัดตั้งรัฐบาลในวันที่ 24กรกฎาคม 2566 ระบุว่า
“เมื่อพรรคเพื่อไทยจัดไม่ได้ ในเมื่อเราหมดปัญญาแล้ว ทำไมไม่ส่งต่อให้คนอื่น ก็คือพรรคอันดับสาม นั่นหมายความว่าเรายกเสียงข้างมากเราไปให้เสียงข้างน้อย”
พร้อมกล่าวด้วยว่า “ขณะที่ถ้าเราไล่เรียงกันของเขา 10 พรรคที่มัดกันแน่น ถ้ารวมเป็น 1 พรรค ได้ 188 เสียง เขาเป็นอันดับ 1 นะ ในสภา พรรคก้าวไกล เป็นอันดับสอง ได้ 151 และพรรคเพื่อไทยเป็นอันดับ 3 คือได้ 141 เมื่อเราไม่ได้เสียงข้างมากเด็ดขาด จึงมีความลำบากสักนิด สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้เห็นภาพว่าทำไม พรรคเพื่อไทย ถึงรณรงค์แลนด์สไลด์ เพื่อแก้ปัญหาทั้งหมด สิ่งที่เราได้รับมามันไม่ถึงเป้า ต้องรับสภาพ หาวิธีการดำเนินการให้ดีที่สุด”
ถัดจากนั้นอีก 3 วัน คือในวันที่ 27 กรกฎาคม 2566 นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ออกมาเปิดเผย ซูเปอร์ดีลการจัดตั้งรัฐบาลว่า
สูตรจัดตั้งรัฐบาลซูเปอร์ดีล ประกอบไปด้วย พรรคเพื่อไทย, พรรคภูมิใจไทย และพรรคพลังประชารัฐ ส่วนอีกฝ่ายหนึ่งประกอบด้วย พรรคประชาธิปัตย์ พรรคก้าวไกล และพรรครวมไทยสร้างชาติ “สูตรนี้มั่นใจว่าจะเป็นสูตรที่ทำสำเร็จ แต่ก็ต้องยอมรับว่าสูตรนี้จะเป็นสูตรที่ปล้นประชาชน”
นายชูวิทย์ระบุด้วยว่า การที่พรรคภูมิใจไทยเป็นแกนนำเป็นเจ้าบ้านสูตรนี้น่าจะสำเร็จ เพราะภูมิใจไทยสามารถเชิญหลายพรรคการเมืองที่หลากหลายมาพูดคุยได้ เช่น พรรคเพื่อไทย พรรคพลังประชารัฐ แต่อย่างไรก็ตาม สูตรนี้ยืนยันได้ว่าจะไม่มีการรวมกันของ 2 ลุง พลังประชารัฐ และรวมไทยสร้างชาติอย่างแน่นอน เป็นไปได้ที่สุดคือมีพรรคพลังประชารัฐร่วม 1 พรรคเท่านั้น
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า หากพรรคภูมิใจไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลถือว่าพรรคเพื่อไทยยืมมือพรรคภูมิใจไทยฉีกเอ็มโอยูของ 8 พรรคร่วมหรือไม่ นายชูวิทย์กล่าวว่า เป็นเรื่องที่แน่นอน ยืมทั้งมือ ยืมทั้งปาก
ทั้ง 2ช. ชลน่าน-ชูวิทย์ คนหนึ่งส่งสัญญาณบอกใบ้กลายๆ อีกคนออกมาพูดตรงๆ แต่ข้อความในการส่งสารเหมือนกันคือ “ส้มหล่น” ไปตกอยู่ในอุ้งมือของพรรคอันดับ 3 อย่างภูมิใจไทย
คงต้องจับตาดูต่อไปสูตรที่ว่านี้จะนิ่ง ไหวติง หรือล้มตึง และพรรคก้าวไกลจะดิ้นสู้ด้วยวิธีใด อย่ากะพริบตา
