14 ธ.ค.วัคซีนต้านโควิดคลอดแน่“โอบาม่า”ขอฉีดทดลอง สร้างความเชื่อมั่นคนผิวสี

  • “นายสตีเฟน มนูชิน ” และ “เจอโรม พาวเวล”
  • ร้องขอเงินจากสภาคองเกรสช่วยภาคธุรกิจสหรัฐ
  • ก่อนล้มละลายเพราะพิศโควิดหมด

.จีนสั่งเก็บภาษีไวน์ออสเตรเลียกว่า 100%
กระทรวงพาณิชย์จีนประกาศเรียกเก็บภาษีตอบโต้การทุ่มตลาด (AD) กับไวน์นำเข้าจากออสเตรเลียในช่วง 107.1-212.1% โดยจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 28 พ.ย.เป็นต้นไปเป็นการตอบโต้ออสเตรเลียจากสถานการณ์การค้าที่ยังคงตึงเครียด โดยจีนเป็นประเทศที่นำเข้าไวน์ออสเตรเลียมากที่สุด ทั้งนี้ จีนได้เปิดฉากการสอบสวนการนำเข้าไวน์ออสเตรเลียในกรณีการทุ่มตลาดและการให้เงินอุดหนุน โดยความสัมพันธ์ระหว่างจีน และออสเตรเลียตึงเครียดขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา หลังจากรัฐบาลออสเตรเลียสั่งแบนบริษัทหัวเว่ยออกจากการมีส่วนร่วมในโครงข่าย 5G ของตน

.จีนแซงหน้าสหรัฐเป็นคู่ค้ารายใหญ่สุด
ผลสำรวจซึ่งจัดทำโดยเอชเอสบีซี โฮลดิ้งส์ระบุว่า ขณะนี้จีนได้แซงหน้าสหรัฐขึ้นเป็นตลาดต่างประเทศชั้นนำสำหรับบริษัทต่างๆ ทั่วทั้งภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยบริษัท 29% จากทั้งหมดที่ได้รับการสำรวจมองว่า จีนเป็นประเทศคู่ค้ารายใหญ่สุด ขณะที่ 28% มองว่า สหรัฐเป็นประเทศคู่ค้ารายใหญ่สุด ผลสำรวจดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่า การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เร่งให้เกิดการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างในระบบเศรษฐกิจโลก ผลสำรวจความเห็นของบริษัทจำนวน 10,400 แห่งใน 39 ประเทศทำขึ้นระหว่างวันที่ 11 ก.ย. – 7 ต.ค. ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่มีสัญญาณว่า โรคโควิด-19 เพิ่งเริ่มแพร่ระบาดระลอกสองทั่วยุโรป และเป็นช่วงก่อนที่นายโจ ไบเดน จะได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งประธา นาธิบดีสหรัฐ ทั้งนี้สงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาได้ขัดขวางหนทางที่จีนจะได้รับประโยชน์จากบริษัทเอกชนและคนงานในสหรัฐ นอกจากการแยกตัวออกจากจีนจะไม่ได้เป็นไปตามที่คณะบริหารของประธา นาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ตั้งใจไว้้เท่านั้น แต่ยังทำให้ฐานการผลิตของบริษัทเอกชนกระจายไปยังศูนย์กลางธุรกิจในภูมิ ภาคเอเชียแปซิฟิก แทนที่จะย้ายกลับประเทศด้วย

.เศรษฐกิจฝรั่งเศสจ่อหดตัว 4.5% ใน Q4/63
สำนักงานสถิติแห่งชาติฝรั่งเศส(INSEE)เปิดเผยการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของฝรั่งเศสหลัง ช่วงล็อกดาวน์มีแนวโน้มหดตัวลงในไตรมาส 4/63 เนื่องจากมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่บังคับใช้ทั่วประเทศเป็นครั้งที่สองได้ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อกิจกรรมภาคธุรกิจ GDPฝรั่งเศสในไตรมาส 4/63 จึงหดตัวติดลบ 4.5% หลังจากดีดตัวขึ้น 18.7% หรือ ติดลบที่ระดับ 4.9% ในไตรมาส 3 ก่อนหน้านี้ INSEE คาดว่า GDP ฝรั่งเศสจะหดตัวรายไตรมาสระหว่างติดลบ 2.5-6% ขึ้นอยู่กับการแพร่ระบาด

INSEE ยังระบุว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจมีแนวโน้มปรับตัวลดลงอีกครั้งในช่วงไตรมาส 4 หลังจากที่ดีดตัวแข็ง แกร่งในไตรมาส 3 โดยเมื่อวันที่ 30 ต.ค.ที่ผ่านมา รัฐบาลฝรั่ง เศสได้สั่งปิดธุรกิจที่ไม่จำเป็นเพื่อสกัดการแพร่ระบาดโควิด-19 รอบสอง โดยรอบนี้มีแนวโน้มรุนแรงน้อยกว่าในช่วงสองเดือนแรกที่การล็อกดาวน์เริ่มขึ้นในช่วงกลางเดือนมี.ค. ขณะที่กิจกรรมทางเศรษฐกิจเดือนพ.ย.อยู่ต่ำกว่าช่วงก่อนโควิดระบาดอยู่ 12% แต่ดีกว่าในเดือนเม.ย.ที่กิจกรรมทางเศรษฐกิจร่วงต่ำกว่าระดับก่อนเกิดโควิดถึงราว 30%

.”โอบามา”เล็งถ่ายคลิปโชว์ฉีดวัคซีนโควิด
นายบารัค โอบามา อดีตประธานาธิบดีสหรัฐเผยในรายการวิทยว่า เขาจะฉีดวัคซีนต้านโรคโควิด-19 เมื่อได้รับการอนุมัติให้ใช้ได้แล้วในช่วง 3 สัปดาห์ของเดือน ธ.ค.และอาจถ่ายคลิปขณะฉีดเพื่อนำไปออกอากาศในช่องทางอื่นๆเพื่อสร้างความมั่นใจให้ประชาชนเกี่ยวกับความปลอดภัยของวัคซีน โดยเขาเชื่อในหลักวิทยาศาสตร์ และต้อง การให้ประชาชนเชื่อมั่นความปลอดภัยของวัคซีนเพราะเมื่อไม่นานมานี้พบว่า กลุ่มคนผิวสีดูไม่ค่อยกระตือรือร้นที่จะฉีดวัคซีนต้านโรคโควิด-19 มากเท่ากับคนกลุ่มอื่นๆ“วัคซีนเป็นเหตุผลที่ทำให้เราไม่เป็นโรคโปลิโออีก และเป็นเหตุผลที่ทำให้เราไม่ต้องมาเห็นเด็กๆ เสียชีวิตจากโรคหัดและไข้ทรพิษ หรือโรคอื่นๆที่เคยกวาดล้างประชากรและชุมชนมาแล้ว”

.วัคซีน”ไฟเซอร์-โมเดอร์นา”มีผลข้างเคียง
ดร.มอนเซฟ สลาอุย หัวหน้าโครงการ Operation Warp Speedซึ่งเป็นโครงการที่มีเป้าหมายให้ชาวสหรัฐได้ฉีดวัคซีนต้านโรคโควิด-19 ภายในสิ้นปีนี้ เปิดเผยว่า วัคซีนต้านโรคโควิด-19 ของไฟเซอร์ และโมเดอร์นามีความปลอด ภัย โดยไม่ได้พบผลข้างเคียงที่สังเกตได้ในบรรดาอาสาสมัครส่วนใหญ่ ขณะที่มีอาสาสมัครเพียง 10-15% เท่านั้นที่มีรายงานผลข้างเคียงที่สามารถสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจนจากการเกิดรอยแดง และอาการปวดบริเวณที่ฉีดวัคซีน รวมถึงมีไข้ รู้สึกหนาวสั่น ปวดกล้ามเนื้อ และปวดศีรษะ

ส่วนทั้งไฟเซอร์และโมเดอร์นาต่างก็ยอมรับว่า วัคซีนของบริษัทอาจมีผลข้างเคียงที่คล้ายกับอาการของโรคโควิด-19 ที่ไม่รุนแรง เช่น อาการปวดกล้ามเนื้อ หนาวสั่น และปวดศีรษะ ทั้งนี้ โมเดอร์นา และไฟเซอร์ ได้ยื่นเรื่องต่อสำ นักงานอาหารและยา (FDA) ของสหรัฐ เพื่อขออนุมัติการใช้วัคซีนต้านโรคโควิด-19 เป็นกรณีฉุกเฉิน โดยวัคซีนของทั้งสองบริษัทมีประสิทธิภาพในการป้องกันโควิดสูงกว่า 90% ตามข้อมูลขั้นต้นจากการทดลองทางคลินิก

ด้านรองประธานาธิบดีไมค์ เพนซ์ เปิดเผยระหว่างการหารือทางโทรศัพท์กับผู้ว่าการรัฐต่างๆว่า กระบวนการแจกจ่ายวัคซีนอาจเริ่มขึ้นในสัปดาห์ที่ 3 ของเดือนธ.ค. ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่า หน่วยงานกำกับดูแลด้านกฎระเบียบของสหรัฐจะเร่งอนุมัติอย่างรวดเร็วให้มีการฉีดวัคซีนครั้งแรกเป็นกรณีฉุกเฉิน “เรามั่นใจว่า การกระจายวัคซีนจะเริ่มต้นขึ้นในสัปดาห์ซึ่งตรงกับวันที่ 14 ธ.ค.นี้ ชาวอเมริกันควรที่จะได้ทราบถึงความช่วยเหลือที่กำลังจะได้รับ”

.สหรัฐเล็งขึ้นบัญชีดำบริษัทจีนอีก 4 แห่ง
คณะทำงานของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เตรียมเพิ่มบริษัทเซมิคอนดักเตอร์ แมนูแฟคเจอริ่ง อินเตอร์เนชั่นแนล คอร์ปอเรชัน (SMIC) และไชน่า เนชั่นแนล ออฟชอร์ ออยล์ คอร์ปอเรชั่น (CNOOC) เข้ารวมในรายชื่อบัญชีดำ ด้วยข้อกล่าวหาที่ว่าเป็นบริษัทของกองทัพจีน ทั้งนี้ รอยเตอร์รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า กระทรวงกลาโหมสหรัฐจะเพิ่มบริษัทจีนอีก 4 แห่งในรายชื่อบริษัทที่ถูกควบคุมหรือเป็นเจ้าของโดยกองทัพจีน

นอกเหนือไปจาก SMIC และ CNOOC แล้ว ยังมีบริษัทไชน่า คอนสตรัคชัน อินเตอร์เนชันแนล เทคโนโลยี และไชน่า อินเตอร์เนชันแนล เอ็นจิเนียริ่ง คอนซัลติ้งด้วย ทำให้จำนวนรวมบริษัทที่ได้รับผลกระทบอยู่ที่ 35 แห่ง ทั้งนี้ บริษัทที่มีรายชื่ออยู่ในบัญชีดำของสหรัฐ จะถูกระงับการเข้าถึงนักลงทุนสหรัฐ แต่ยังไม่ชัดเจนว่าจะมีการประกาศเพิ่มรายชื่อบริษัทใหม่อย่างเป็นทางการเมื่อใด ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นเพียงไม่กี่สัปดาห์ก่อนที่นายโจ ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐจะเข้ารับตำแหน่ง โดยก่อนหน้านี้ไม่นาน ปธน.ทรัมป์ก็ได้ลงนามในคำสั่งห้ามไม่ให้ชาวอเมริกันลงทุนในบริษัทจีนที่ถูกครอบครองและควบคุมโดยกองทัพจีน

.ไต้หวันขึ้นแท่นจุดหมายการท่องเที่ยว
MEET TAIWANซึ่งเป็นโครงการนำร่องเพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมไมซ์ของไต้หวัน เปิดเผยผลสำรวจจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัล (Incentive Travel)ในเอเชียยุคหลังโควิด ซึ่งได้จากการสำรวจความเห็นของนัก เดินทางเพื่อธุรกิจจากบริษัทต่างๆ ของเอเชีย เพื่อประเมินความสนใจในการเดินทางท่องเที่ยวในยามที่ทั่วโลกเผชิญวิ กฤตโรคระบาด ผลตอบแบบสอบถาม 3,939 รายชี้ว่าหลังการแพร่ระบาดคลี่คลายลง พนักงานบริษัท 90% ใน 8 ประ เทศเอเชีย ได้แก่ ญี่ปุ่น เกาหลี สิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย ไทย ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม ต่างตั้งตารอบริษัทจัดทริปท่องเที่ยวสำหรับพนักงานซึ่งสะท้อนว่าหลังจากมาตรการล็อกดาวน์สิ่นสุดลง ความต้องเดินทางท่องเที่ยวของภาคธุร กิจจะแข็งแกร่งยิ่งกว่าที่เคยเป็นมา

ทั้งนี้ การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้หลายบริษัททั่วโลกยกเลิกแผนการท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัลสำหรับพนักงาน เนื่องจากโรคระบาดส่งผลให้หลายประเทศใช้มาตรการจำกัดการเดินทางข้ามพรมแดน ซึ่งคำตอบจากการสำรวจครั้งนี้จะช่วยให้ไต้หวัน รวมถึงหลายประเทศในการเตรียมพร้อมสำหรับอนาคตและการทำการตลาดการท่องเที่ยวหลังจากผ่านพ้นวิกฤตโรคระบาด ผลสำรวจแสดงให้เห็นว่ากว่า 80% ของนักเดินทางท่องเที่ยวภาคธุรกิจในเอเชียยังให้ความสำคัญกับมาตรการป้องกันโรคท้องถิ่น เมื่อพวกเขาเข้าร่วมทริปท่องเที่ยวสำหรับพนักงานในอนาคต

.”เจเน็ต เยลเลน” เร่งรัฐหนุนเศรษฐกิจ
นางเจเน็ต เยลเลน อดีตประธานธนาคารกลางสหรัฐ (FED)ที่ได้รับการเสนอชื่อจากนายโจ ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐให้เข้าดำรงตำแหน่งรมว.คลังสหรัฐ ได้เรียกร้องให้รัฐบาลสหรัฐดำเนินการอย่างเร่งด่วนเพื่อรับมือภาวะเศรษฐ กิจถดถอยที่เกิดจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 มิฉะนั้นสถานการณ์อาจเลวร้ายมากขึ้น “วิกฤตแห่งประ วัติศาสตร์เนื่องจากการแพร่ระบาด และผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ได้สร้างความเสียหายอย่างรุนแรง และส่งผลกระทบที่เลวร้ายต่อผู้ที่เปราะบางที่สุดในหมู่พวกเรา”

ขอบคุณภาพ จาก REUTERS

นางเยลเลน กล่าวด้วยว่า การเสียชีวิต การตกงาน ธุรกิจขนาดเล็กต่างดิ้นรนที่จะอยู่รอด หรือต้องปิดกิจการ ประชาชนจำนวนมากต้องดิ้นรน เพื่อหาอาหารประทังชีวิต จ่ายค่าใช้จ่าย และค่าเช่า พร้อมเสริมว่า เป็นเรื่องสำคัญที่เราต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วน การไม่ทำอะไรเลยจะทำให้เกิดความเสียหายมากขึ้น ทั้งนี้การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐ ยังรุนแรงที่สุดในโลกจากข้อมูลศูนย์วิทยาศาสตร์และวิศวกรรมเชิงระบบแห่งมหาวิทยาลัยจอห์นส์ ฮอปกินส์ เปิดเผยว่า สหรัฐมีจำนวนผู้ติดเชื้อเกิน 13 ล้านรายแล้ว ขณะที่จำนวนผู้เสียชีวิตก็แตะระดับ 270,000 ราย โดยตัวเลขทั้งสองสูงกว่าทุกประเทศในโลก

.”มนูชิน-พาวเวล” วอนคองเกรสเร่งช่วยธุรกิจ
นายสตีเฟน มนูชิน รมว.คลังสหรัฐและนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (FED)ได้เรียกร้องให้สภาคองเกรสเพิ่มความช่วยเหลือธุรกิจขนาดเล็กในช่วงเวลาที่โควิด-19 ยังคงแพร่ระบาด พร้อมกับแสดงความกัง วลว่า การออกมาตรการเยียวยาเศรษฐกิจจากผลกระทบโควิด-19 อาจจะเกิดขึ้นไม่ทันเวลาในการกอบกู้บริษัทเหล่านี้ให้รอดพ้นจากการล้มละลาย

“ธุรกิจขนาดเล็กเหล่านี้ไม่สามารถรอได้นานถึง 2 หรือ 3 เดือน”นายมนูชินชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการการธนา คารประจำวุฒิสภา พร้อมกับเรียกร้องให้สมาชิกสภาคองเกรสอนุมัติงบประมาณจำนวนมากถึง 300,000 ล้านเหรียญเพื่อช่วยเหลือธุรกิจที่เผชิญกับความยากลำบาก”เมื่อพิจารณาจากข้อมูลเศรษฐกิจเมื่อไม่นานมานี้ “ผมก็ยังเชื่อ มาตร การกระตุ้นการคลังแบบเจาะจงเป้าหมาย ถือเป็นมาตรการตอบสนองที่ดีที่สุดของรัฐบาลกลาง ผมขอเรียกร้องให้สภา คองเกรสอนุมัติการนำเงินจำนวน 455,000 ล้านเหรียญที่ยังไม่ได้ใช้ภายใต้กฎหมาย CARES Act มาใช้ในการสนับ สนุนภารกิจนี้” นายมนูชินกล่าว

โดยกฎหมาย CARES Act ซึ่งมีชื่อเต็มว่า “Coronavirus Aid, Relief, and Economic Security Act ” ได้รับการอนุมัติในช่วงปลายเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา ทั้งนี้เพราะโควิด-19 มีผลกระทบที่ทำให้เศรษฐกิจถด ถอย และจะสร้างความเสียหายอย่างหนักต่อเศรษฐกิจสหรัฐในช่วงฤดูใบไม้ผลิปีนี้ ทั้งยังทำให้ประชาชนตกงานถึง 10 ล้านคนในเดือนก.พ. ซึ่งสภาคองเกรสจำเป็นต้องยุติวิกฤตการณ์นี้ ขณะเดียวกันควรนำเงินจากกระทรวงการคลังออกมาใช้ในยุคของคณะบริหารของนายโจ ไบเดน เพื่อจัดตั้งโครงการปล่อยเงินกู้ของเฟดขึ้นมาอีกครั้งหากจำเป็น

.การลงทุนทางธุรกิจในญี่ปุ่นหดตัว 10.6%
กระทรวงการคลังของญี่ปุ่นเปิดเผยว่า การใช้จ่ายด้านทุนของบริษัทเอกชนญี่ปุ่นในไตรมาส 3/63 ทรุดตัวลง 10.6% เมื่อเทียบเป็นรายปี ทั้งนี้ การลงทุนของธุรกิจนอกภาคการเงินญี่ปุ่น ซึ่งรวมถึงการลงทุนในการสร้างโรงงานและเพิ่มอุปกรณ์ต่างๆ คิดเป็นมูลค่ารวม 10.80 ล้านล้านเยน (ประมาณ 103,000 ล้านเหรียญ) โดยสำนักงานคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นจะเปิดเผยข้อมูลผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 3/63 ที่มีการปรับทวนในวันที่ 8 ธ.ค.นี้ โดยจะพิจารณาตัวเลขการใช้จ่ายด้านทุนล่าสุดด้วย ขณะที่ข้อมูลเบื้องต้นบ่งชี้ว่า แม้ ไตรมาสที่ 3 GDP ยังติดลบอยู่ แต่ก็มีการขยายตัวในอัตราติดลบเศรษฐกิจของญี่ปุ่นขยายตัวเพิ่มขึ้น 21.4% จากไตรมาส 2