

ห้องรับแขก JNC รหัส003 : พลตำรวจเอกวิสนุ ปราสาททองโอสถ” ประธานบอร์ด ทอท.คนใหม่ลั่น!จะนำพา AOT ติด 1 ใน 50 ท่าอากาศยานที่ดีที่สุดของโลกใน 2 ปี เน้นหลักการทำงานเข้าถึง“คน ระบบ จิตวิญญาณ”
- เดินหน้าปรับปรุงคุณภาพการบริการ
- เพิ่มสิ่งอำนวยความสะดวกให้ผู้โดยสาร
- พร้อมเร่งขยายขีดความสามารถสนามบิน สร้างอาคาร
พลตำรวจเอกวิสนุ ปราสาททองโอสถ ประธานบอร์ด บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) AOT หรือ ทอท.เปิดเผยถึงการเข้ามารับตำแหน่งประธาน บอร์ด ทอท.และทิศทางในการนำพาสนามบินภายใต้การกำกับของทอท.ทั้ง 6แห่ง เพื่อรองรับการกลับมาเติบโตอย่างต่อเนื่องของอุตสาหกรรมการบินทั่วโลก ว่า การเข้ามารับตำแหน่งประธานบอร์ด ทอท. ถือเป็นสิ่งที่ท้าทาย จากที่เคยเป็นตำรวจแล้วต้องมานั่งกำกับดูแลบริหารจัดการวางนโยบายท่าอากาศยานภายใต้กำกับทั้ง 6 แห่ง
ประกอบด้วย สนามบินสุวรรณภูมิ สนามบินดอนเมือง สนามบินเชียงใหม่ สนามบินภูเก็ต สนามบินหาดใหญ่ และสนามบินแม่ฟ้าหลวงเชียงราย ซึ่งสนามบินทั้ง 6 แห่งถือเป็นประตูบานแรกที่เปิดรับให้ต่างชาติทั่วโลกเข้ามาเป็นแขกในบ้านเรา ดังนั้นนอกจากเชิญแขกให้เข้ามาบ้านแล้ว สนามบินซึ่งเป็นห้องรับแขกแรกก็จะต้องมีความพร้อมที่จะรองรับ ตนจึงมีนโยบายอย่างชัดเจน เร่งด่วน ซึ่งนอกจากเพิ่มสิ่งอำนวยความสะดวก ทั้งบุคลากร อุปกรณ์ที่ทันสมัยในการบริการแล้ว
การขยายขีดความสามารถเพื่อยกระดับมาตรฐานของสนามบินก็จะดำเนินการควบคู่กันไปภายในรัฐบาลชุดนี้ โดยมีความมุ่งมั่นในการบริหารงานที่จะยกระดับให้ ทอท.เป็นศูนย์กลางการคมนาคมขนส่งทางอากาศแห่งภูมิภาค สู่ประตูการบินของโลก และมีเป้าหมายที่จะให้ ทอท.กลับมาติด 1 ใน 50 ท่าอากาศยานที่ดีที่สุดของโลกภายใน 2 ปีนี้ จากปัจจุบันติดอันดับที่ 77

พลตำรวจเอกวิสนุ ปราสาททองโอสถ ประธานบอร์ด บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) AOT
.“คน-ระบบ-จิตวิญญาณ” ปั้นสนามบินโลก
พลตำรวจเอกวิสนุ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้การยกระดับการเป็นศูนย์กลางคมนาคมขนส่งทางอากาศแห่งภูมิภาคสู่ประตูการบินของโลก ถือเป็นนโยบายของรัฐบาลที่จะทำให้สนามบินสุวรรณภูมิเป็นฮับอยู่แล้ว ประกอบกับประเทศไทยอยู่ในภูมิศาสตร์ที่ตั้งที่สมบูรณ์ ดังนั้นปัจจัยหลักในการให้ AOT บรรลุสู่ความสำเร็จ (Key Success) ได้นั้น คือ 1) การให้คุณค่ากับกำลังคน (Manpower) ทุกระดับ ทุกฝ่าย (2) สร้างความมั่นใจทางธุรกิจ เพื่อความมั่นคงในการเติบโต 3) ความโปร่งใสตรวจสอบได้ คือ หัวใจสำคัญ 4) สร้างการยอมรับ (Trust) จากสังคม ประชาชน ผู้ใช้บริการทุกส่วน ในอุตสาหกรรมการบิน 5) บูรณาการการทำงานทุกภาคส่วนในอุตสาหกรรมการบินในรูป Home Team เพื่อมุ่งสู่ความสำเร็จร่วมกัน
ทั้งนี้ในเบื้องต้นเราจึงให้ความสำคัญกับคน พนักงาน AOT ทุกคน พนักงานจะต้องมีความภูมิใจ และมีจิตวิญญาณในการให้บริการ และเข้าใจในวิสัยทัศน์ ซึ่งการทำงานจะกำหนด kpi ที่ชัดเจนให้กับทุกๆคน ที่ต้องประเมินผลได้อย่างเป็นรูปธรรมและเป็นธรรม พูดง่าย ๆ ว่าคนทำดีก็ต้องได้รับผลตอบแทนที่ดี ทุกคนต้องมีค่ากับองค์กร ขณะเดียวกันต้องใช้เทคโนโลยีให้เหมาะสม ให้ทันสมัยที่สุด เพราะไม่สามารถเพิ่มคนไปได้เรื่อย ๆ จึงต้องใช้เครื่องไม้เครื่องมือ ดังนั้น คน ระบบ จิตวิญญาณ 3 ส่วนนี้เป็นเรื่องสำคัญ และเป็นหัวใจของความสำเร็จ
“เป้าหมายคืออยากให้สนามบินสุวรรณภูมิขึ้นไปติดอันดับ 1-50 ภายใน2 ปี ดังนั้นจึงมีแนวคิดที่จะทำ Strategic workshops นำโดยผู้บริหาร AOT คู่ค้า เพื่อหารือและปรึกษาร่วมกันในการจะขับเคลื่อนสนามบินสุวรรณภูมิสู่เป้าหมายที่ตั้งไว้ ว่ามีอะไรต้องทำบ้าง และใครจะทำอะไร หรือมีส่วนใดที่ต้องแก้ไข ขณะเดียวกันก็ต้องมีความโปร่งใส ตรวจสอบได้ หรือการกระจายอำนาจในฐานะประธานฯ จะต้องมีการตรวจสอบติดตาม เหนือสิ่งอื่นใดคือความไว้ใจของสังคม อย่างผมมาจากตำรวจ ความไว้ใจสำคัญที่สุด เพราะถ้าไม่ไว้ใจก็ไม่ได้งาน”
.โจทย์ใหญ่ดันไทยเป็นฮับภูมิภาค
ในปี 67 เป็นปีที่การเดินทางกลับเข้าสู่ภาวะปกติ หลังจากที่ทั่วโลกได้เผชิญสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 หลายประเทศได้มีการผ่อนคลายมาตรการเดินทางเข้าประเทศ ส่งผลให้ปริมาณการจราจรทางอากาศเริ่มกลับมาฟื้นตัว ซึ่งในส่วนของ AOT ได้วางกรอบนโยบาย แนวทางการบริหารงาน และพัฒนาท่าอากาศยาน ที่อยู่ในความรับผิดชอบ ทั้ง 6 สนามบิน ดังนี้ “นโยบายเร่งด่วน” ประกอบด้วย (1) การปรับปรุงพื้นที่ทางกายภาพ และระบบอำนวยความสะดวกทั้งในและนอกอาคารของสนามบินสุวรรณภูมิ และสนามบินดอนเมือง ให้พร้อมตอบสนองนโยบายเพิ่มปริมาณนักท่องเที่ยวและนักลงทุนต่างชาติของรัฐบาล และ (2) การเร่งบูรณาการความร่วมมือทุกภาคส่วน เพื่อยกระดับสนามบินสุวรรณภูมิเป็นสนามบินชั้นนำ ตามมาตรฐานสากลให้ได้ในปี 67
สำหรับ “นโยบายแผนระยะยาว” จะเห็นได้ว่า หลังจากสถานการณ์โควิดได้คลี่คลาย ประชาชนกลับมาใช้ชีวิตตามปกติ สถิติในเดือนตุลาคม 65 – กันยายน 66 พบว่าได้มีผู้มาใช้บริการสนามบินรวมกว่า100.1 ล้านคน โดยที่สนามบินสุวรรณภูมิ ได้รองรับผู้โดยสารมากที่สุด คือ จำนวนกว่า 48.37 ล้านคน นั่นหมายถึง นิมิตหมายอันดีของประเทศไทยในการขับเคลื่อนทางด้านเศรษฐกิจ และการท่องเที่ยว ประกอบกับในส่วนของสนามบินสุวรรณภูมิได้ถูกผลักดันให้เป็นวาระแห่งชาติ เพื่อให้เป็นศูนย์กลางการบินของภูมิภาค
“ทุกวันนี้เรารู้ว่าปัญหาของสนามบินมีมากจริง ต้องมีการเพิ่มสิ่งอำนวยความสะดวกด้วยการเพิ่มเครื่องระบบช่องทางตรวจหนังสือเดินทางอัตโนมัติ หรือ Automatic channel ให้มากที่สุด รวมถึงมีการประสานงานใกล้ชิดกับสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ทำให้ผู้โดยสารที่จะเดินทางออกใช้เวลาน้อยที่สุด ส่วนการตรวจคนเข้าเมืองก็ให้เร็วที่สุด จะได้ใช้เวลาผ่อนคลายในสนามบิน”
ขณะเดียวกันผู้โดยสารที่เข้ามาได้อย่างรวดเร็ว กระเป๋าเร็ว ตม.เร็ว และในอนาคตก็จะลดขั้นตอนทั้งหมดเป็นไบโอเมทริกซ์ทั้งหมด ก็จะทำให้สามารถเดินทางออกได้เลย อย่างไรก็ตามจะเห็นได้ว่าความสุขของผู้โดยสารที่ขึ้นเครื่องและเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศเป็นประสบการณ์ของทุกคนที่อยากสัมผัส ซึ่ง ทอท.จะเข้าไปดูในทุกๆมิติ รวมถึงในเรื่องของรถติด รถเข้ามาจอดรอนาน ดังนั้นจะทำอย่างไร หรือไม่คิดเงินค่าจอดรถใน30นาทีแรก ซึ่งจะช่วยเพิ่มความสะดวกให้กับผู้โดยสารและคนที่มารอรับ เป็นต้น
.ลุยขยายเพิ่มขีดความสามารถสนามบิน
พลตำรวจเอกวิสนุ กล่าวว่า เพื่อสนองนโยบายของรัฐบาลตนจะเดินหน้าผลักดันการขยายขีดความสามารถ สนามบินสุวรรณภูมิ ทั้งโครงการก่อสร้างอาคารผู้โดยสารทางทิศเหนือ สนามบินสุวรรณภูมิ หรือ North Expansion และส่วนต่อขยายด้านทิศตะวันออกของอาคารผู้โดยสารสนามบินสุวรรณภูมิ (East Expansion) ซึ่งโครงการ North Expansion เมื่อก่อสร้างแล้วเสร็จจะเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับปริมาณผู้โดยสารได้เพิ่มขึ้นเป็น 90 ล้านคนต่อปี ปัจจุบันกระทรวงคมนาคมได้ให้ความเห็นชอบแล้วและอยู่ในระหว่างการพิจารณาของ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติงบประมาณ
นอกจากนั้นจะเร่งขยายสนามบินดอนเมืองอย่างเต็มที่ รวมถึง ขยายสนามบินเชียงใหม่ และสนามบินภูเก็ต ด้วย โดยแผนการขยายขีดความสามารถสนามบินดอนเมืองนั้นมีแผนก่อสร้างอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ และปรับปรุงอาคารผู้โดยสาร อาคาร 1 เป็นอาคารผู้โดยสารภายในประเทศ ซึ่งจะทำให้ลดความแออัดของผู้โดยสารที่เข้ามาใช้บริการ
นอกจากนี้ยังมีปรับระบบจราจรภายในสนามบินดอนเมือง เพื่อลดปัญหาจราจรแออัดหนาแน่นในชั่วโมงเร่งด่วน โดยจะก่อสร้างทางยกระดับจากดอนเมืองโทลล์เวย์เชื่อมต่อมายังอาคารผู้โดยสารเพื่ออำนวยความสะดวกสำหรับผู้โดยสารขาออก และทางขึ้นดอนเมืองโทล์เวย์จากภายในสนามบินดอนเมือง ในส่วนของ Runways ประกอบด้วย โครงการก่อสร้างเพิ่มทางวิ่ง เส้นที่ 3 (3rd Runway) ของสนามบินสุวรรณภูมิ นั้น ทอท.มีแผนจะเปิดใช้งานทางวิ่งเส้นที่ 3 ในวันที่ 1 กรกฎาคม 67 ซึ่งจะทำให้เพิ่มศักยภาพให้สนามบินสุวรรณภูมิสามารถรองรับเที่ยวบินได้เพิ่มขึ้นจาก 64 เที่ยวบินต่อชั่วโมงเป็น 94 เที่ยวบินต่อชั่วโมง
