เส้นทางชีวิต“เจริญ สิริวัฒนภักดี” เจ้าพ่อน้ำเมา-ราชาเทคโอเวอร์

เส้นทางชีวิต “เจริญ สิริวัฒนภักดี”


JNC นำเสนอเรื่องราว เส้นทางชีวิต“เจริญ สิริวัฒนภักดี” ลูกพ่อค้าหอยทอด เรียนจบป.4 อายุ 11 ขวบ ทำงานเป็นเด็กรับจ้างเข็นรถส่งสินค้าในย่านสำเพ็ง สู่การเป็น “เจ้าพ่อน้ำเมา” และ “ราชาแห่งการเทคโอเวอร์” มีทรัพย์สินกว่า 4 แสนล้านบาท

เส้นทางชีวิต“เจริญ สิริวัฒนภักดี” เริ่มต้นจาก ลูกพ่อค้าหอยทอด จบป.4

คนจนมักโทษโชคชะตา ถ้าพ่อเราจนเราก็คงต้องจน จะเอาอะไรไปสร้างตัวกับเขา แต่ความคิดเหล่านี้ ไม่ใช่สำหรับชายคนนี้พ่อเป็นแค่คนขายหอยทอด ตัวเองเรียนไม่จบ  11 ขวบ ก็ต้องออกมาขายของในสำเพ็ง ใครจะไปคิดว่า ผู้ชายคนนี้ในวันนี้คือหนึ่ง ในมหาเศรษฐีอันดับต้นๆ ของประเทศไทย ชื่อของเขาคือ เจริญ สิริวัฒนภักดี  

คุณเจริญ เกิดเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม ปีพ.ศ.2487 ที่กรุงเทพมหานคร ในครอบครัวชาวจีนแต้จิ๋ว มีชื่อจีนว่า โซว เคียก เม้ง เป็นบุตรชายคนที่ 2 ของครอบครัว ในอดีตพ่อของคุณเจริญเป็นคนจีนที่อพยพเข้ามาตั้งถิ่นฐานในประเทศไทย และได้ประกอบอาชีพขายหอยทอด ในซอยข้างโรงเรียนเผยอิง ที่คุณเจริญศึกษาอยู่

ความที่ตัวคุณเจริญเอง เติบโตมาในครอบครัวที่ยากจน และต้องดิ้นรนต่อสู้กับความยากลำบาก ในช่วงเวลานั้น จึงต้องทำงานและเรียนไปพร้อมๆกัน ไม่มีโอกาสไปเที่ยวเล่น เหมือนเด็กคนอื่นๆ จนกระทั่งเมื่อจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ก็ตัดสินใจที่จะไม่เรียนต่อ

จุดเปลี่ยนชีวิต ก้าวเข้าสู่วงการสุรา

คุณเจริญเริ่มทำงานเมื่อตอนอายุ 11 ปี โดยรับจ้างเข็นรถส่งสินค้าในย่านสำเพ็ง จากนั้นก็เปลี่ยนอาชีพมาเป็นพ่อค้าหาบขายของ จนในปีพ.ศ 2504 คุณเจริญในวัย 17 ปี ได้มีโอกาสทำงานเป็นลูกจ้าง ในบริษัท ย่ง ฮะ เส็ง และห้างหุ้นส่วนจำกัดแพนอินเตอร์ ที่จัดส่งสินค้าให้กับโรงงานสุราบางยี่ขัน

การทำงานที่นี่ ทำให้คุณเจริญ ได้รู้จักกับ คุณจุล กาญจนลักษณ์ ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญการปรุงรสสุราแม่โขง ก่อนที่ในเวลาต่อมา จะได้เข้าทำงานที่บริษัทสุรามหาคุณ และที่นี่เองทำให้เขาได้รู้จักกับ “เถลิง เหล่าจินดา” ก่อนที่ในเวลาต่อมาคุณเจริญจะได้กลายมาเป็น คนสนิทของเจ้าสัวเถลิง หนึ่งในผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทสุรามหาคุณ

ในช่วงเวลานี้ถือว่าสำคัญมาก ประมาณว่าเป็นภาคแรกของ Game of Thrones เลยก็ว่าได้ ในช่วงปี 2500 ถือเป็นจุดเริ่มต้น ของการผูกขาดธุรกิจสุรา โดยกลุ่มนักธุรกิจ ก่อนที่จะเข้าสู่ยุคของคุณเจริญ ในเวลาต่อมา ในเวลานั้นบริษัทสุรามหาคุณ มีผู้ถือหุ้นที่ประกอบไปด้วย ตระกูลเตชะไพบูลย์ ตระกูลมหาคุณ ตระกูลล่ำซำ และคุณเถลิง เหล่าจินดา

คมเฉือนคม ศึกชิงเจ้ายุทธจักรวงการน้ำเมา

โดยนักธุรกิจกลุ่มนี้ ได้เสนอตัวขอเข้าบริหาร โรงงานสุราบางยี่ขัน จากกรมโรงงานอุตสาหกรรม ในปีพ.ศ 2502 โดยในช่วงเวลานั้น คุณสหัส มหาคุณ เป็นตัวแทนกลุ่มเข้าพูดเจรจากับ จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ และแสดงความต้องการที่จะเป็นเจ้าของ โดยที่ช่วงเวลานั้น ธุรกิจสุราถือว่าเป็นธุรกิจกึ่งผูกขาด ใครได้ทำก็มีแต่รวยกับรวย

และเมื่อศึกนอกสำเร็จ ก็ถึงเวลาสำหรับศึกใน โดยในกลุ่มสุรามหาคุณเอง ผู้ถือหุ้นก็มีความคิดเห็นในการทำธุรกิจไม่เหมือนกัน คุณสุเมธ เตชะไพบูลย์ เป็นหุ้นใหญ่และกุมอำนาจจัดซื้อในช่วงเวลานั้น มีความเห็นไม่ตรงกับคุณสหัส และคุณเถลิง จึงทำให้กลุ่มของคุณเถลิง ต้องการที่จะเปลี่ยนโครงสร้างผู้ถือหุ้น จึงมีการดึงบริษัทบวรวงศ์ ซึ่งมี จอมพลถนอม กิตติขจร และพวกเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ เข้ามาในบริษัทตัวเองเพื่อจะลดทอนอำนาจของตระกูลเตชะไพบูลย์

และแน่นอนว่า ไม่มีใครสามารถปฏิเสธได้ เพราะกลุ่มทหารในช่วงเวลานั้น ค่อนข้างที่จะมีอำนาจและอิทธิพลการเข้ามาของบริษัทบวรวงศ์ ทำให้สัดส่วนหุ้นของคุณเถลิงใหญ่ขึ้น และได้ตำแหน่งบริหาร ซึ่งรวมถึงตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายจัดซื้อและโรงงานแทน สุเมธ เตชะไพบูลย์ ด้วยความที่คุณเถลิงเอ็นดูคุณเจริญ ทำให้คุณเจริญเองได้เข้ามามีบทบาทในบริษัทอย่างไม่ต้องสงสัย

เปิดที่มาของบริษัท TCC ปฐมบทแห่ง “เจ้าพ่อนำเมา”

และในปี 2518 คุณเถลิง คุณจุล และคุณเจริญ ได้ร่วมกันก่อตั้งบริษัทTCC ซึ่งเป็นตัวอักษรภาษาอังกฤษของทั้ง 3 คน และตอนหลังชื่อย่อของ TCC จะรู้จักในชื่อของ ไทยเจริญ คอร์ปอเรชั่น ในปีเดียวกันนั้น คุณเถลิงและคุณเจริญ ได้เข้าซื้อบริษัทธารน้ำทิพย์ จาก พงศ์ สารสิน และ ประสิทธิ์ ณรงค์เดช บริษัทนี้เป็นผู้ผลิต TARA วิสกี้

แต่เนื่องจากประสบปัญหาการขาดทุน และกำลังจะปิดกิจการ คุณจุล กาญจนลักษณ์ เป็นคนแนะนำให้ซื้อกิจการนี้เพราะมองเห็นโอกาสที่จะพัฒนาสุราไปอีกทิศทางหนึ่ง ที่แตกต่างจากแม่โขง และนี่ก็คือจุดเริ่มต้นของสุราแสงโสมก่อนที่จะแตกแขนงไปเป็นหงษ์ทองและสุราทิพย์ในเวลาต่อมา

หลังจากนั้นไม่นาน คุณเถลิงต้องการ ที่จะวางมือจากธุรกิจสุรา จึงผลักดันให้คุณเจริญ เข้ามารับไม้ต่อ ทำให้ในปีพ.ศ 2525 คุณเจริญจึงได้ขยับตำแหน่ง ขึ้นมาเป็นผู้บริหารในธุรกิจ และถือเป็นปฐมบทแห่ง “เจ้าพ่อนำเมา” ที่จริงในช่วงเวลาหลังจากนั้น ยังมีเหตุการณ์ที่คุณเจริญต้องต่อสู้ ในธุรกิจสุราอีกมาก

ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์การชนะการประมูล การเข้าครอบครองกิจการสุรา 12 โรง ในต่างจังหวัด การควบรวมกิจการของกลุ่มสุรามหาราษฎร์ กับสุราทิพย์ หรือการควบรวมแม่โขงเข้ากับหงส์ทองนั่นเอง โดยที่ตอนจบคงไม่ต้องเดา ว่าใครจะเป็นผู้ชนะ เพราะในวันนี้ใครๆก็รู้ว่าคุณเจริญคือเจ้าของนั่นเอง

ถึงแม้สงครามน้ำเมาในยุคที่ 1 ของคุณเจริญจะจบไป ในช่วงปี 2542 ถึง 2546 ถือเป็นยุคที่ 2 ของคุณเจริญ ที่เติบโตและผูกขาดธุรกิจสุรา ก่อนที่จะต้องระดมทุน เพื่อเข้าประมูลสัมปทานของบริษัท ที่ครอบครองอยู่ครั้งใหม่ แต่ขอหยุดไว้แค่นี้ก่อนเพราะเดี๋ยวจะออกทะเลไปไกล

ใช้เงินจากธุรกิจน้ำเมา เป็นใบเบิกทาง “เสือติดปีก” ขยายสู่ธุรกิจอื่น

แต่ความสำเร็จ ในธุรกิจนั้นเมา ถือเป็นจุดเริ่มต้นและจิ๊กซอว์ที่สำคัญ เพราะกระแสเงินสด ที่ได้จากธุรกิจนี้คือกระสุนที่ใช้เป็นใบเบิกทางสู่ธุรกิจอื่นๆต่อไป ถ้าคุณเถลิงและคุณจุล คือเบื้องหลังความสำเร็จในยุคแรกที่ทำให้คุณเจริญได้ขึ้นเป็นราชันน้ำเมา

ยุคที่ 2 ต้องยกให้กับ คุณกึ้งจู แซ่จิว ซึ่งเป็นพ่อตาของคุณเจริญ เนื่องจากอยู่ในแวดวงการเงินมี Connection กับตระกูลใหญ่ๆและธนาคารถือเป็นอีกคน ที่คอยให้คำปรึกษา เรื่องการลงทุน และยังเป็นกุนซือสำคัญที่ทำให้คุณเจริญ ได้เข้าครอบครองธนาคารมหานคร ในเวลาต่อมา

การที่มีทั้งธุรกิจสุราและธนาคารในมือ ทำให้คุณเจริญ เป็นเสมือน “เสือติดปีก” และเริ่มกระจายความเสี่ยงด้วยการลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ก่อนที่จะขยายไปสู่ธุรกิจอื่นๆ ต่อไป

เริ่มจากในปี 2529 นอกจากจะซื้อหุ้นธนาคารมหานครแล้ว ยังได้ซื้อหุ้นบริษัทอาคเนย์ประกันภัย และบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์มหาธนกิจ กลางปี 2537 คุณเจริญเข้าซื้อกิจการโรงแรมอิมพีเรียล ด้วยมูลค่ากว่า 2,000 ล้านบาท จากนายอากร ฮุนตระกูล

สูญเสียธุรกิจครั้งใหญ่ ในวิกฤตต้มยำกุ้งปี2540

ปี 2534 ได้ขยายธุรกิจเพิ่มด้วยการร่วมทุนกับคาร์ลสเบิร์ก ก่อตั้งโรงงานเบียร์ขนาดใหญ่ที่อยุธยา ก่อนจะเปิดตลาดในปีพ.ศ 2538 ภายใต้แบรนด์เบียร์ช้าง แต่แล้วในปีพ.ศ 2540 ก็เกิดวิกฤตต้มยำกุ้ง ที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ ด้านการเงินของประเทศอย่างรุนแรง บริษัทเงินทุนและธนาคารหลายแห่ง ถูกบีบให้ปิดตัว ไม่ก็ต้องถูกควบรวม และแน่นอนว่าธนาคารมหานครของคุณเจริญก็ไม่รอด

ถือเป็นการสูญเสียธุรกิจครั้งใหญ่ที่สุด ของคุณเจริญตั้งแต่ทำธุรกิจมา คุณเจริญตัดสินใจ ที่จะไม่สู้ต่อ ไม่ดันทุรังหาเงินมายื้อ แต่เลือกที่จะกลับไปรักษาฐานธุรกิจอื่น ไม่ว่าจะเป็นเหล้าเบียร์และโรงแรม หลังจากวิกฤตผ่านไป เศรษฐกิจเริ่มกลับมาฟื้นตัว ธุรกิจเบียร์และสุรา ของคุณเจริญก็กลับมาเป็นที่นิยมอย่างต่อเนื่อง

กลุ่ม “ไทยเบฟ” ถือกำเนิด ระดมทุนในตลาดหุ้นสิงคโปร์

ทำให้ต้องขยายกำลังการผลิต จึงตัดสินใจทุ่มเงินกว่า 9,000 ล้านบาท ก่อสร้างโรงงานเบียร์แห่งใหม่ ที่จังหวัดกำแพงเพชรในปี 2542 ก่อนที่จะเริ่มทำการผลิตได้ในปี 2544 และถัดมาอีก 2 ปี หรือปี 2546 คุณเจริญได้ตัดสินใจครั้งใหญ่ ด้วยการรวมกิจการสุราและเบียร์ทั้งหมด เข้าเป็นกลุ่มก้อนเดียวกันภายใต้ชื่อบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ หรือไทยเบฟ ที่พวกเรารู้จักกันในวันนี้

โดยที่ในตอนแรก ได้วางแผนที่จะระดมทุนในตลาดหุ้นไทย แต่ถูกต่อต้านจากสังคม ที่มองว่าธุรกิจผิดศีล ไม่ควรให้ระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ จึงทำให้สุดท้าย บริษัทตัดสินใจไปจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์แทน และในปี2544 คุณเจริญยังเข้าซื้อบริษัท บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ ซึ่งถือว่าเป็นการเคลื่อนไหวที่สำคัญ

มีโรงงานผลิตขวดเป็นของตัวเอง

มีคนวิเคราะห์ว่าที่คุณเจริญตัดสินใจซื้อ เพราะต้องการโรงแก้ว หรือขวดแก้วนั่นเอง หลายคนอาจจะไม่รู้ว่าโรงงานขวดแก้วขนาดใหญ่ในไทย มีไม่ถึง4 ที่ ถ้าจะขายเหล้าเบียร์แต่ไม่มีโรงขวดเป็นของตัวเอง ก็ไปต่อได้ยาก เบียร์สิงห์มีโรงขวดแก้วของตัวเองในชื่อบริษัทบางกอกกล๊าส บริษัทโอสถสภาเจ้าของเอ็ม 150 ก็มีโรงงานขวดแก้วของตัวเองภายใต้ชื่อสยามกลาสเช่นเดียวกัน

เพิ่มเติมเกร็ดความรู้เกี่ยวกับบริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ หลายคนอาจจะไม่รู้ว่า เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ เป็นหนึ่งในบริษัทที่เก่าแก่ที่สุดของไทยก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2425 ในชื่อห้างยุคเกอร์ and six and Go ก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นชื่อบริษัทเบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัดในปี 2508

โดยที่ชื่อเบอร์ลี่ และยุคเกอร์ มาจากนามสกุลของฝรั่งที่เป็นเจ้าของนั่นเอง และที่สำคัญเบอร์ลี่ ยุคเกอร์ ยังเป็น 1 ใน 7 บริษัทแรก ที่เข้าตลาดหุ้นไท ยในวันที่เปิดตลาดหลักทรัพย์ และถือเป็นอีกหนึ่งบริษัท ที่คุณเจริญ รักมากเพราะเก่าแก่และมีประวัติ จึงใช้บริษัทนี้เข้าซื้อบิ๊กซีในเวลาต่อมา

ไล่ซื้อกิจการโออิชิ-เสริมสุข

ในปี 2549 คุณเจริญก็ได้สร้างความฮือฮาอีกครั้ง จากการเข้าซื้อกิจการของโออิชิต่อจากคุณตัน ซึ่งในช่วงเวลานั้น ชาเขียวฮิตไปทั่วบ้านทั่วเมือง ร้านอาหารบุฟเฟ่ต์ญี่ปุ่นก็เป็นที่นิยม

ในปี 2553 คุณเจริญได้เข้าซื้อบริษัทเสริมสุข ซึ่งเป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเป๊ปซี่ในประเทศไทย ทำให้ได้เครือข่ายช่องทางการจัดจำหน่ายค้าปลีกที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยไป และได้สร้างแบรนด์ใหม่ของตัวเองขึ้นมา ภายใต้ชื่อ เอสโคล่า นั่นเอง

ก่อนหน้าปี 2553 บริษัทเป๊ปซี่โค ของอเมริกากับเสริมสุข ไม่สามารถบรรลุข้อตกลงการค้าร่วมกันได้ ถึงแม้ว่าจะเป็นคู่ค้ากันมานานนับ 10 ปีและเสริมสุขก็ถือว่ามีส่วนสำคัญที่ทำให้เป๊ปซี่เอาชนะโค้กได้ในประเทศไทย ถือว่าเป็นไม่กี่ประเทศในโลกที่ทำได้

แต่เนื่องจากบริษัทเสริมสุขเอง มองว่ากำไรจากการทำงานร่วมกับเป๊ปซี่น้อยไป จึงต้องการที่จะต่อรองแต่การเจรจาล้มเหลวจึงทำให้เสริมสุขตัดสินใจมองหาพันธมิตรใหม่ ส่วนเป๊ปซี่เองก็เลือกที่จะพัฒนาช่องทางการจัดจำหน่าย เป็นของตัวเอง

ดีลสนั่นเอเชีย ซื้อกิจการ เฟรเซอร์ แอนด์ นีฟ ของสิงคโปร์ แสนล้าน

ส่วนการผลิตนั้น ได้ร่วมมือกับกลุ่มซันโทรี่ของประเทศญี่ปุ่น ปี 2556 TCC ของคุณเจริญได้ทำดีลสนั่นเอเชียอีกครั้ง ด้วยการข้ามฟากไปซื้อกิจการ เฟรเซอร์ แอนด์ นีฟ ของสิงคโปร์ ที่เป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์มากมาย และยังมีกลุ่มอุปโภคบริโภคอีกด้วย ดีลนี้ใช้เงินไป 100,000 ล้านบาท

ซื้อบิ๊กซี จากกลุ่มทุนฝรั่งเศส 2แสนล้าน

ถัดมาอีก 3 ปี หรือปีพ.ศ 2559 ก็เป็นอีกครั้ง ที่ชื่อคุณเจริญ ถูกกลับมาพูดถึงจากดีลใหญ่ประจำปี ที่กลุ่มทุนฝรั่งเศสอย่างคาสิโนกรุ๊ป เจ้าของบิ๊กซีในประเทศไทย ต้องการขายหุ้นด้วยการเปิดประมูล คุณเจริญได้ให้บริษัทในเครืออย่างเบอร์ลี่ ยุคเกอร์ หรือที่ตลาดหุ้น รู้จักในชื่อ BJC เข้าร่วมประมูล ไม่บอกต่อก็รู้ ต้องจบในมือเจ้าสัวแน่นอน ดีลนี้จบกันที่ตัวเลข 200,000 ล้านบาท

จาก “เจ้าพ่อน้ำเมา” สู่ “ราชาแห่งการเทคโอเวอร์”

ยังมีดีลอีกมากมาย ที่ไม่สามารถเล่าให้ฟังได้หมด ถึงจุดเริ่มต้นจะมาจากเหล้า แต่ตอนจบเขาถูกขนานนามว่า “ราชาแห่งการเทคโอเวอร์” คุณเจริญถือว่าเป็นหนึ่งในนักธุรกิจ ที่มีความสามารถและประสบความสำเร็จมากที่สุด โดยปัจจุบันมีมูลค่าทรัพย์สินมากกว่า 400,000 ล้านบาท

เรื่องราวของคุณเจริญทำให้ คิดถึงคำพูดของบิล เกตส์ ที่บอกว่า “การเกิดมาจน ไม่ใช่ความผิดของคุณ แต่การตายแบบยังจนอยู่ เป็นความผิดของคุณ”

ก่อนที่จะจบลง อยากทิ้งท้ายคำพูด 4 คำที่คุณเจริญ และคุณหญิงวรรณา ใช้สอนลูก สำหรับ 4 คำของคุณเจริญคือ อดทน เสียสละ เงียบและร่าเริง อดทนทำให้สำเร็จ, เสียสละทำให้พ้นภัย, การนิ่งเงียบทำให้มีสติ, ร่าเริงทำให้สุขภาพดี

ส่วน 4 คำของคุณหญิงวรรณา คือ สุขภาพเป็นของเราเอง เงินทองเป็นของคนอื่น อำนาจเป็นเรื่องชั่วคราว ชื่อเสียงเป็นเรื่องชั่วนิรันดร์ หวังว่าเรื่องราวและแนวคิดการทำธุรกิจจะให้ประโยชน์ ไม่มากก็น้อย ข้อมูลที่นำมาเล่า มาจากการค้นคว้ามาจากหลายๆแหล่ง ผิดพลาดประการใดก็ขออภัยด้วย

ที่มา : ถอดบทความจาก ช่องยูทูป Sao Sanook by Ray