เดือนธ.ค.ราคา “ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์-ยาง-มันสำปะหลัง-กุ้ง”พุ่ง! รับเทศกาลปีใหม่

  • ด้านข้าวเปลือกเจ้า-หอมมะลิ – ปาล์มน้ำมัน ราคาปรับตัวลดลง
  • เหตุโรงสีบางแห่งขาดสภาพคล่องหยุดรับซื้อข้าวจากชาวนา

นายสมเกียรติ กิมาวหา รองผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ศูนย์วิจัยและพัฒนานวัตกรรม ธ.ก.ส. คาดการณ์ราคาสินค้าเกษตรในเดือนธ.ค. 2563  ว่าสินค้าเกษตรที่มีแนวโน้มราคาปรับตัวสูงขึ้น ได้แก่ ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ความชื้นไม่เกิน 14.5% ราคาอยู่ที่ 7.64 – 7.66 บาทต่อกิโลกรัม(กก.) เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน  0.50% เนื่องจากผลผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ลดลงในช่วงปลายฤดูเก็บเกี่ยว ขณะที่ความต้องการใช้เพื่อผลิตอาหารสัตว์จะเพิ่มขึ้นตามความต้องการบริโภคเนื้อสัตว์และการส่งออกอาหารสัตว์ที่เพิ่มขึ้นในช่วงปลายปีซึ่งเป็นเทศกาลท่องเที่ยวและปีใหม่

ส่วนยางพาราแผ่นดิบ ชั้น 3 ราคาอยู่ที่ 54.85–57.85 บาท/กก. เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 5.60% เนื่องจากความต้องการใช้ยางพาราภายในประเทศและต่างประเทศมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ปริมาณผลผลิตยางพาราออกสู่ตลาดน้อยลงจากการขาดแรงงานกรีดยาง ประกอบกับภาคใต้ของประเทศไทยในช่วงครึ่งเดือนแรกอาจมีฝนตกอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการกรีดยางของชาวสวนยางพารา รวมถึงสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น 

ขณะที่มันสำปะหลัง ราคาอยู่ที่ 1.84 – 1.89 บาท/กก. เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 3.28% เนื่องจากเป็นช่วงเริ่มต้นฤดูกาลผลิตปี 2563/64 ผลผลิตยังออกสู่ตลาดไม่มาก ประกอบกับสภาพอากาศที่เอื้ออำนวยต่อการเก็บเกี่ยวและส่งผลทำให้คุณภาพเชื้อแป้งในหัวมันสำปะหลังอยู่ในระดับสูง รวมทั้งความต้องการนำเข้าผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังที่เพิ่มขึ้นของประเทศจีนเพื่อนำไปใช้ผลิตเอทานอลทดแทนข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่ราคาสูงและมีปริมาณสต็อกคงเหลือลดลง กุ้งขาวแวนนาไม ราคาอยู่ที่ 136.25 – 137.00 บาท/กก. เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากเดือนก่อน 0.74% เนื่องจากความต้องการในการบริโภคเพิ่มขึ้นในช่วงเทศกาลการท่องเที่ยวตามมาตรการวันหยุด และเข้าสู่เทศกาลปีใหม่ ประกอบกับเป็นช่วงที่ผลผลิตออกสู่ตลาดน้อยจากอากาศที่เริ่มเย็นลงทำให้กุ้งเจริญเติบโตช้า อย่างไรก็ตาม อาจมีปัจจัยเสี่ยงจากราคากุ้งโลกกดดันราคาในประเทศให้ลดลง 

และสุกร ราคาอยู่ที่ 76.65 – 76.70 บาท/กก. เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 1.66% เนื่องจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ ได้แก่ มาตรการคนละครึ่ง และมาตรการช้อปดีมีคืน ผนวกกับใกล้ช่วงเทศกาลวันหยุดและการกระตุ้นการท่องเที่ยวในช่วงปลายปี ทำให้คนไทยเริ่มออกมาใช้จ่ายรวมถึงการบริโภคสุกรเพิ่มขึ้น ส่งผลให้แนวโน้มราคาสุกรเพิ่มขึ้น

ด้านสินค้าเกษตรที่มีแนวโน้มราคาปรับตัวลดลง ได้แก่ ข้าวเปลือกเจ้าความชื้น 15% ราคาอยู่ที่ 7,959 – 8,024 บาท/ตัน ลดลงจากเดือนก่อน 3.97%  ข้าวเปลือกหอมมะลิ ราคาอยู่ที่ 9,103 – 9,346 บาท/ตัน ลดลงจากเดือนก่อน 11.48% และข้าวเปลือกเหนียวเมล็ดยาว ราคาอยู่ที่ 9,839 – 9,952 บาท/ตัน ลดลงจากเดือนก่อน 3.14% เนื่องจากยังอยู่ในช่วงเก็บเกี่ยวผลผลิตข้าวนาปี โดยผลผลิตปีนี้คาดว่าจะสูงกว่าปีที่ผ่านมา  และโรงสีบางแห่งประสบปัญหาการขาดสภาพคล่องหรือปัญหาขาดทุน ทำให้ชะลอหรือหยุดการรับซื้อข้าวจากชาวนา ประกอบกับค่าเงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นจากการเกินดุลบัญชีเดินสะพัดอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ความสามารถในการแข่งขันราคาส่งออกข้าวไทยลดลง

ส่วนน้ำตาลทรายดิบตลาดนิวยอร์ก ราคา อยู่ที่ 15.06 – 15.12 เซนต์/ปอนด์ (10.12 – 10.16 บาท/กก.) ลดลงจากเดือนก่อน 1.00% เนื่องจากค่าเงินเรียลบราซิลอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ กระตุ้นให้ผู้ผลิตน้ำตาลของบราซิลส่งออกน้ำตาลเพิ่มขึ้น และบราซิลได้เพิ่มสัดส่วนการนำอ้อยไปผลิตน้ำตาลเป็น 63% ซึ่งเพิ่มขึ้น 19 %  เมื่อเทียบกับปีก่อน นอกจากนี้ แนวโน้มการผลิตและการส่งออกน้ำตาลที่เพิ่มขึ้นของประเทศอินเดียยังเป็นปัจจัยกดดันราคาน้ำตาล โดยคาดการณ์ว่าผลผลิตน้ำตาลของประเทศอินเดียในปีการผลิต 2563/64 จะเพิ่มขึ้น 16.8% หรือคิดเป็น 33.76 ล้านตัน และการส่งออกน้ำตาลของประเทศอินเดียจะเพิ่มขึ้น  3.5% หรือคิดเป็น 6.0 ล้านตัน

และปาล์มน้ำมัน ราคาอยู่ที่ 6.00 – 6.15 บาท/กก. ลดลงจากเดือนก่อน 11.11% เนื่องจากสต็อกน้ำมันปาล์มดิบมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ประกอบกับราคาปาล์มน้ำมันที่อยู่ในระดับสูงในช่วงที่ผ่านมา  ทำให้เกษตรกรบางส่วนเร่งเก็บเกี่ยวผลผลิต ซึ่งส่งผลให้ผลผลิตไม่ได้คุณภาพ โรงงานสกัดจึงรับซื้อผลผลิตในราคาที่ต่ำลง