นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงแนวทางดำเนินการหากจะประกาศเคอร์ฟิวส์ ว่า มอบอำนาจให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้ตัดสินใจ เหมือนกับเหตุการณ์แพร่ระบาดที่จ.สมุทรสาคร ที่ผู้ว่าราชการจังหวัดตัดสินใจเอง เป็นการกระจายอำนาจให้ผู้ว่าราชการจังหวัด ซึ่งจะทราบความจำเป็นของสถานการณ์ในแต่ละจังหวัดของตนว่าเป็นอย่างไร
“ถ้าประกาศเคอร์ฟิวส์ จะให้ประชาชนเดือดร้อนน้อยที่สุด เช่น เพิ่มมาตรการ โดยให้งดจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้านอาหาร ซึ่งมีข้อเสนอไม่ให้จัดเลี้ยงสังสรรค์ในครอบครัวด้วย และเสนอให้สั่งปิดผับ บาร์ถึงสิ้นเดือนเม.ย.นี้ ซึ่งนอกจากทำให้คนไปรวมตัวน้อยลงแล้ว จะช่วยลดการแพร่ระบาดและการติดเชื้อด้วย เนื่องจากคลัสเตอร์ที่แพร่ระบาดช่วงสงกรานต์มาจากผับและบาร์ เพราะส่วนใหญ่คนที่ไปเที่ยวเป็นคนมีฐานะ ที่เดินทางไปหลายพื้นที่” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าว
นายอนุทิน กล่าวถึงเตียงพยาบาลที่จะรองรับจำนวนผู้ติดเชื้อ ว่า มีเพียงพอ แต่ขอความร่วมมือประชาชนว่าแม้เตียงจะเพียงพอ แต่บุคคลากรทางการแพทย์มีเท่านี้ ดังนั้น เมื่อใช้มาตรการที่เข้มข้นขณะนี้ หวังว่าเมื่อประชาชนให้ความร่วมมือป้องกันตัวเอง จำนวนผู้ป่วยในแต่ละวันในหนึ่งสัปดาห์หลังจากนี้จะค่อย ๆ ลดลง
“เท่าที่ทราบทางกทม.เตรียมโรงพยาบาลสนามไว้แล้ว ยืนยันตอนนี้ยังดูแลไหวอยู่ อยากให้ทุกคนได้รับการดูแลจากแพทย์อย่างเต็มที่ แต่ยอมรับว่าการเข้ารักษาตัวของประชาชนตอนนี้ยากกว่าเดิม เพราะตัวเลขผู้ติดเชื้อสูงกว่าก่อนหน้านี้ ถ้าใครเป็นก็ขอให้กักตัวอยู่ในบ้านและเว้นระยะห่างมากที่สุด หน้ากากอนามัยต้องไม่หลุด ระบบที่ดูแลอยู่จะไล่ส่งรถไปรับทุกคนมารักษาพยาบาล และตอนนี้เริ่มให้ผู้ป่วยที่มีรถส่วนตัวมาที่โรงพยาบาลเองได้ เพื่อเข้ารับการรักษา ถือเป็นการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าว
นายอนุทิน กล่าวว่า สำหรับแผนการกระจายวัคซีนที่เพิ่งได้รับมา 1 ล้านโดสเมื่อวันที่ 10 เม.ย.ที่ผ่านมา จะเน้นกระจายไปที่บุคลากรทางการแพทย์ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ และยืนยันไม่ปิดกั้นการจัดหาวัคซีน พร้อมให้ทุกฝ่ายดำเนินการ
