“อนุทิน”สั่งยกระดับรับมือไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่มั่นใจคุมสถานการณ์ได้

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ขณะนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข พร้อมด้วยนพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ได้ประชุมทางไกลกับนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดและผู้อำนวยการโรงพยาบาลทั่วประเทศ เพื่อวางมาตรการรับมือกับไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ โดยมีตัวแทนจากองค์การอนามัยโลกและผู้สื่อข่าวจำนวนมากเข้าฟังการประชุม

โดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข กล่าวภายหลังการประชุมว่า เข้าใจว่าหลายท่านมีความวิตกกังวล แต่โรคนี้เป็นโรคที่เรารักษาหาย และเราทำสำเร็จแล้วใช้เวลารักษาไม่นาน รักษาไปตามอาการนอกจากนั้นหากสุขภาพแข็งแรง สามารถป้องกันเชื้อได้ อยากให้ประชาชนเข้าใจสถานการณ์

“ในช่วงเทศกาลตรุษจีน ได้สั่งการให้สถานพยาบาลทุกแห่งยกระดับมาตรการเฝ้าระวังป้องกันควบคุมโรคตามมาตรฐานขององค์การอนามัยโลก พร้อมยกระดับศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉินเพื่อตอบโต้สถานการณ์เป็นระดับ 3 ทั้งเพิ่มระบบการคัดกรองที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพในสนามบินทั้ง 5 แห่ง เฝ้าระวังผู้ป่วยทั้งโรงพยาบาลรัฐเอกชน มีระบบคัดแยกโรคและผู้ป่วยที่รวดเร็วจัดทีมแพทย์พยาบาลและบุคลากรที่ผ่านการอบรมรองรับเหตุการวินิจฉัยโรคตรวจทางห้องปฏิบัติการต้องทราบผลใน 24 ชั่วโมง จัดให้มีแนวทางการรักษาพยาบาลตามมาตรฐานสากลพร้อมประสานกระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาแจ้งบริษัททัวร์เฝ้าระวังดูแลนักท่องเที่ยวทั้งที่เดินทางมาในประเทศไทยและคนไทยที่เดินทางไปต่างประเทศ”

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า ทั้งนี้ในประเทศไทยมีผู้ติดเชื้อทั้งสิ้น 4 รายรักษาหายและให้กลับประเทศแล้ว 2 รายที่เหลืออยู่ระหว่างการรักษาและอาการดีขึ้นตามลำดับ หากไม่พบเชื้อก็จะให้กลับบ้าน ส่วนที่มีข่าวว่ามีผู้ติดเชื้อที่ จ. เชียงใหม่นั้น ขอแจ้งว่าเป็นเพียงไข้หวัดธรรมดา กระทรวงสาธารณสุขควบคุมสถานการณ์ได้

ส่วนเรื่องการท่องเที่ยว เรายินดีต้อนรับนักท่องเที่ยวและเรามั่นใจว่าใครที่ติดเชื้อเรามีศักยภาพในการคัดกรองแน่นอน นอกจากนั้นเราประสานกับทางการจีนตลอดเพื่ออัพเดทสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง ผู้โดยสารที่มาจากประเทศจีน เราให้ข้อมูลถึงข้อปฏิบัติเพื่อควบคุมโรค ทั้งนี้ขอให้การสื่อสารที่เกิดขึ้นเป็นไปตามข้อเท็จจริงไม่สร้างความตื่นตระหนก

“ที่เราพบผู้ติดเชื้อเพราะเราตรวจละเอียด ยิ่งตรวจละเอียดก็ยิ่งมีโอกาสพบ แต่ทั้งหมดเป็นไปเพื่อการควบคุมโรคอย่างมีประสิทธิภาพและทางการพร้อมเปิดเผยข้อมูลทุกอย่าง”

ทั้งนี้นายอนุทิน กล่าวด้วยว่า ขอให้ประชาชนระมัดระวังการติดเชื้อระหว่างที่เดินทางไปต่างประเทศ ดูแลสุขภาพ หลีกเลี่ยงการไปตลาดที่ขายซากสัตว์ป่าหรือสัตว์ที่มีชีวิต หลีกเลี่ยงที่ที่มีผู้คนจำนวนมาก ไม่สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยที่มีอาการไอ จาม หรือมีน้ำมูก สวมหน้ากากอนามัย ล้างมือบ่อยๆ กินอาหารปรุงสุกร้อน ผู้ที่มีอาการไข้กับอาการไอจามมีน้ำมูกเหนื่อยหอบและมีประวัติเดินทางไปยังเมืองอู่ฮั่นให้รีบไปโรงพยาบาล พร้อมแจ้งประวัติการเดินทางไปต่างประเทศให้แพทย์ทราบเพื่อรับการตรวจวินิจฉัยและรักษาต่อ ไปมีข้อสงสัยให้สอบถามสายด่วนกรมควบคุมโรค 1422

“ขอให้ประชาชนเชื่อมั่นว่าระบบการแพทย์และสาธารณสุขของไทยมีความทันสมัย พร้อมรับมือสถานการณ์ แม้เป็นเชื้อที่พบใหม่ ขณะนี้ไทยยังไม่มีรายงานการติดจากคนสู่คน เรามีการเฝ้าระวังคัดแยกคนเข้าเมืองมีระบบการติดตามผู้สัมผัส ทั้งคนขับรถ แพทย์ พยาบาล คนเข็นเปล สำหรับผู้ป่วย 2 รายใหม่ที่พบ หากผลแล็บไม่พบเชื้อตรงกันทั้ง 2 แห่งก็จะให้กลับบ้านได้”

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า สำหรับสถานการณ์ประเทศไทยตั้งแต่วันที่ 3-21 มกราคม 2563 ได้คัดกรองไปแล้วจำนวน 123 เที่ยวบินจากเมืองอู่ฮั่น มีผู้โดยสารและลูกเรือจำนวนทั้งสิ้น 19,480 คน โดยนักท่องเที่ยวชาวจีน 2 ราย ที่ได้รับการตรวจยืนยันแพทย์ได้ให้การรักษาหายและส่งกลับประเทศแล้ว ในรอบสัปดาห์นี้พบผู้ป่วยอีก 2 รายรายแรกเป็นหญิงไทยมีประวัติไปเที่ยวที่เมืองอู่ฮั่น รับการตรวจรักษาที่ รพ. นครปฐม ขณะนี้อาการดีขึ้นแล้ว ส่วนรายที่ 2 เป็นนักท่องเที่ยวจีนเป็นผู้ชายถูกตรวจคัดกรองมีไข้สูงที่สนามบินสุวรรณภูมิเมื่อวันที่ 19 มกราคม ขณะนี้รักษาตัวอยู่ที่สถาบันบำราศนราดูร