หุ้นแอปเปิล-โบอิ้งฉุดตลาด วอลล์สตรีทปิดลบวิตกเฟดยังไม่ลดดอกเบี้ยปลายเดือน

  • ร่วงกว่า2% โบรกฯแนะขายหุ้นแอปเปิล
  • หุ้นโบอิ้ง-บริษัทสุขภาพเผชิญปัจจับลบ
  • กังวลเฟดดึง “ยังไม่ลดดอกเบี้ยปลายเดือนนี้”

ตลาดหุ้นนิวยอร์กวันที่ 8 ก.ค.ปิดติดลบทุกตลาด ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,806.14 จุด ลดลง 115.98 จุด หรือ -0.43% ขณะที่ดัชนีแนสแด็กส์ ปิดที่ 8,098.38 จุด ลดลง 63.41 จุด หรือ -0.78% ด้านดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,975.95 จุด ลดลง 14.46 จุด หรือ -0.48%

ตลาดหุ้นสหรัฐ อยู่ในแดนลบตั้งแต่เปิดตลาด และเป็นการติดลบกระจายทั้งกระดาน โดยได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นแอปเปิล หลังจากนักวิเคราะห์ได้ปรับลดอันดับความน่าลงทุนของหุ้นแอปเปิล จากระดับ Neutral สู่ sell หรือแนะให้ขาย โดยราคาหุ้นแอปเปิล อิงค์ ซึ่งเป็นหนึ่งในหลักทรัพย์จำนวน 30 หลักทรัพย์ที่ใช้คำนวณดัชนีดาวโจนส์ ปิดตลาดร่วงลง 2.06%

ทั้งนี้ รายงานระบุว่า แอปเปิลจะเผชิญกับปัจจัยพื้นฐานที่ย่ำแย่ลงในช่วง 6-12 เดือนข้างหน้า โดยคาดการณ์ยอดขาย iPhone ซบเซา ส่วนยอดขาย iPad จะชะลอตัวในช่วงครึ่งปีหลัง ยิ่งไปกว่านั้นการร่วงลงของหุ้นแอปเปิลส่งผลให้ราคาหุ้นตัวอื่นๆในกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวลงด้วย โดยหุ้นเฟซบุ๊ก ปรับตัวลง 0.3% หุ้นอัลฟาเบท ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล ร่วงลง 1.4% หุ้นเน็ตฟลิกซ์ ร่วงลง 1.1% หุ้น Nvidia ร่วงลง 1.9%

หุ้นโบอิ้ง เป็นอีกหุ้นที่ดิ่งลงหลังจากสายการบินของซาอุดีอาระเบียได้ยกเลิกคำสั่งซื้อเครื่องบินโบอิ้ง 737 Max โดยหุ้นโบอิ้ง ร่วงลง 1.3% หลังจากสายการบินฟลายอะดีล (Flyadeal) ของซาอุดีอาระเบีย ประกาศยกเลิกคำสั่งซื้อเครื่องบิน 737 Max ของบริษัทโบอิ้ง หลังจากเครื่องบินรุ่นดังกล่าวประสบอุบัติเหตุตก 2 ครั้งในเวลาเพียง 5 เดือน โดยหันไปซื้อเครื่องบิน A320neo ของบริษัทแอร์บัสแทน

หุ้นกลุ่มธุรกิจสุขภาพร่วงลง หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ขู่ว่าจะออกมาตรการที่จะทำให้ราคายาลดลง โดยหุ้นไฟเซอร์ ร่วงลง 1.4% หุ้นเมิร์ค แอนด์ โค ร่วงลง 1.8% หุ้นแอ๊บบอต ลาบอแรตอรีส ลดลง 0.4% หุ้นเอชซีเอ เฮลธ์แคร์ ซึ่งเป็นโรงพยาบาลรายใหญ่ ลดลง 0.8% ส่วนหุ้นซิกนา คอร์ป บริษัทประกันสุขภาพรายใหญ่ของสหรัฐ ดิ่งลง 1.04%

นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยลบ หลังจากที่นักลงทุนเริ่มไม่แน่ใจวาจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในการประชุมวันที่ 30-31 ก.ค.นี้ ขณะที่นักลงทุนยังจับตาถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟด ซึ่งมีกำหนดกล่าวแถลงการณ์รอบครึ่งปีว่าด้วยนโยบายการเงินและภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 10 ก.ค. และจะแถลงต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาในวันที่ 11 ก.ค.มองหาสัญญาณบ่งชี้ภาวะเศรษฐกิจ และอัตราเงินเฟ้อ รวมทั้งทิศทางอัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯที่ชัดเจนขึ้น

ขณะที่ประธานาธิบดีทรัมป์ ยังคงทวิสต์ต่อว่าเฟดอีกครั้งในวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยระบุว่า เฟดขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วเกินไป และมากเกินไป และใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดขึ้น ทั้งที่คนอื่น ทำแตกต่างโดยสิ้นเชิง