หุ้นพลังงาน-อุตสาหกรรมปรับตัวเพิ่มขึ้นดันดัชนีดาวโจนส์ปิดแดนบวก73.92จุด

  • นักลงทุนลุ้นสหรัฐฯ-จีนเจรจาการค้าคืบหน้า
  • ช้อนซื้อหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรม-พลังงานดันดัชนีปิดบวก
  • หุ้นเทคโนโลยีร่วงกังวลเศรษฐกิจจีนชะลอตัว

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดตลาดวันที่ 10 ก.ย.กลับมาปิดแดนบวกที่ 26,909.43 จุด เพิ่มขึ้น 73.92 จุด หรือ +0.28% หลังจากเปิดตลาดในแดนลบ ทำให้ดัชนัปิดบวกติดต่อกันเผ็นวันที่ 5 ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 2,979.39 จุด เพิ่มขึ้น 0.96 จุด หรือ +0.03% ด้านดัชนีแนสแด็ก ปิดที่ 8,084.16 จุด ลดลง 3.28 จุด หรือ -0.04%

แม้ยังไม่แน่ใจนักว่า การเจรจาเพื่อลดผลกระทบข้อพิพาทการค้าระหว่างสหรัฐและจีนจะจบได้ด้วยดี แต่นักลงทุนตอบรับปัจจัยบวก หลังจากหนังสือพิมพ์เซาธ์ ไชน่า มอร์นิ่ง โพสต์รายงานว่า จีนได้ยื่นข้อเสนอที่จะซื้อสินค้าเกษตรจากสหรัฐเพิ่มขึ้น หากสหรัฐยอมผ่อนคลายข้อจำกัดต่อการซื้อสินค้าของบริษัทหัวเว่ย และเลื่อนการเก็บภาษีต่อสินค้านำเข้าจากจีนวงเงิน 2.5 แสนล้านดอลลาร์ในวันที่ 1 ต.ค.

ขณะที่นักลงทุนกลับมาซื้อหุ้นในกลุ่มพลังงานและกลุ่มอุตสาหกรรมตามราคาน้ำมันที่ปรับเพิ่มขึ้น โดยหุ้นเชฟรอน พุ่งขึ้น 2.06% หุ้นอ็อคซิเดนเชียล ปิโตรเลียม พุ่งขึ้น 3.2% หุ้นเอ็กซอน โมบิล ปรับตัวขึ้น 0.8% หุ้นมาราธอน ปิโตรเลียม เพิ่มขึ้น 1.7% หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน ปรับตัวขึ้น 0.4%

หุ้นแอปเปิล พุ่งขึ้น 1.2% หลังจากแอปเปิลประกาศเปิดตัวผลิตภัณฑ์ iPhone ใหม่ 3 รุ่นเมื่อวานนี้ โดยชูจุดขายเรื่องกล้องที่ถ่ายภาพได้ทั้งในมุมกว้าง และซูมภาพได้ละเอียดขึ้น รวมทั้งแบตเตอรีที่ใช้ได้นานขึ้น แต่กลุ่มเทคโนโลยีร่วงลง และเป็นปัจจัยฉุดดัชนีแนสแด็กปิดในแดนลบ

นักวิเคราะห์กล่าวว่า ข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของจีน เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลง เนื่องจากเทคโนโลยีหลายแห่งมีการลงทุนจำนวนมากในประเทศจีน โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติจีนรายงานว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดต้นทุนสินค้าที่หน้าประตูโรงงาน ปรับตัวลง 0.8% ในเดือนส.ค. เมื่อเทียบเป็นรายปี โดยปรับตัวลงมากกว่าเดือนก.ค.ที่ขยับลงเพียง 0.3%

นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในวันที่ 12 ก.ย.นี้ และการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 17-18 ก.ย.นี้ โดยมีการคาดการณ์ว่า ECB จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย และประกาศรื้อฟื้นโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) รอบใหม่ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจยูโรโซน รวมทั้งคาดว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยต่อเนื่อง