ส่งออกมิ.ย.ยังติดลบต่อเนื่อง

  • เหตุรับผลกระทบจากสงครามการค้าชัดเจน
  • ฉุดส่งออกอิเล็กทรอนิกส์-สินค้าอุตสาหกรรม
  • พาณิชย์คาดไตรมาส3น่าจะติดลบต่อเนื่อง

น.ส.พิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยถึงสถิติการค้าระหว่างประเทศของไทยว่า ในเดือนมิ.ย.62 การส่งออกมีมูลค่า 21,409.3 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลง 2.15% เมื่อเทียบกับเดือนก.ค.61 โดยลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 ของปีนี้ แต่เป็นการลดลงในอัตราชะลอตัว จากเดือนพ.ค.62 ที่ลดลงมากถึง 6.20% และเมื่อคิดเป็นเงินบาทมีมูลค่า 676,838.4 ล้านบาท ลดลง 2.93% ส่วนการนำเข้า มีมูลค่า 18,197.1 ล้านเหรียญฯ ลดลง 9.44% เมื่อคิดเป็นเงินบาทมีมูลค่า 583,093.8 ล้านบาท ลดลง 10.17% โดยมีดุลการค้าเกินดุล 3,212.2 ล้านเหรียญฯ หรือ 93,744.6 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม เมื่อหักมูลค่าส่งออกทองคำ และสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับน้ำมันแล้ว มูลค่าส่งออกเดือนมิ.ย.62 จะติดลบสูงถึง 8% เพราะมูลค่าส่งออกทองคำสูงมาก ขยายตัวสูงถึงกว่า 300%

ขณะที่ในช่วง 6 เดือน (ม.ค.-มิ.ย.) ปี 62 การส่งออกมีมูลค่า 122,970.6 ล้านเหรียญฯ ลดลง 2.91% เมื่อคิดเป็นเงินบาทมีมูลค่า 3.881 ล้านล้านบาท ลดลง 2.73% ส่วนการนำเข้ามีมูลค่า 119,027.4 ล้านเหรียญฯ ลดลง 2.41% เมื่อคิดเป็นเงินบาทมีมูลค่า 3.812 ล้านล้านบาท ลดลง 2.10% โดยมีดุลการค้าเกินดุล 3,943.2 ล้านเหรียญฯ หรือ 69,067.8 ล้านบาท

สำหรับสาเหตุที่ทำให้การส่งออกลดลง เพราะได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน อย่างชัดเจนขึ้น โดยเฉพาะในสินค้าล็อต 2 ที่สหรัฐฯขึ้นภาษีนำเข้าจากจีนเป็น 25% คิดเป็นมูลค่า 200,000 ล้านเหรียญฯ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ และชิ้นส่วน โดยสินค้าเหล่านี้ของไทยอยู่ในห่วงโซ่การผลิตของจีน จึงทำให้การส่งออกสินค้ากลุ่มนี้ของไทยไปจีนลดลง รวมถึงการส่งออกยังลดลงในสินค้ากลุ่ม รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ, เครื่องคอมพิวเตอร์ และส่วนประกอบ, แผงวงจรไฟฟ้า, เครื่องจักรกล และส่วนประกอบ, น้ำมันสำเร็จ ฯลฯ

อย่างไรก็ตาม ยังมีมูลค่าการส่งออกทองคำมาชดเชย เพราะเดือนมิ.ย.ไทยส่งออกสูงถึง 317.4% โดยขยายตัวในตลาดสวิตเซอร์แลนด์ สิงคโปร์ ฮ่องกง อินเดีย และอินโดนีเซีย รวมถึงยังส่งออกสินค้าอื่นๆ ไปตลาดสหรัฐฯ เพื่อทดแทนสินค้าจีนได้มากขึ้น โดยเฉพาะอาหารและเครื่องดื่ม สินค้าเกษตรบางรายการ เป็นต้น จึงทำให้การส่งออกไทยในเดือนมิ.ย.ลดลงในอัตราที่ชะลอตัว

น.ส.พิมพ์ชนก กล่าวต่อว่า ในไตรมาส 3 คาดว่า มูลค่าการส่งออกจะยังติดลบ เพราะยังได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าอยู่ ประกอบการ เดือนมิ.ย.62 การนำเข้าลดลงถึง 9.4% ส่วนใหญ่เป็นการลดลงในกลุ่มสินค้าทุน 11.3% สินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป 5.2% ซึ่งอาจมีผลกระทบต่อการผลิตเพื่อส่งออกในระยะต่อไปได้ แต่หวังว่า ผลกระทบน่าจะถึงจุดต่ำสุดแล้ว และคาดว่า หากสหรัฐฯจะขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนล็อตสุดท้ายในเร็วๆ นี้ อีก 300,000 ล้านเหรียญฯ จะไม่กระทบการส่งออกไทยแล้ว เพราะส่วนใหญ่เป็นสินค้าสำเร็จรูป แต่หวังว่า สหรัฐฯ และจีนน่าจะเจรจาเพื่อแก้ปัญหาการค้าระหว่างกันได้ ส่วนไตรมาส 4 การส่งออกน่าจะดีขึ้น เพราะการย้ายฐานผลิตของประเทศต่างๆ มาไทย เพื่อหนีผลกระทบสงครามการค้า จะเป็นรูปธรรมมากขึ้น

”ถ้าในช่วงที่เหลือ หรือตั้งแต่เดือนก.ค.-ธ.ค.62 ส่งออกได้เดือนละ 20,000 ล้านเหรียญฯ การส่งออกไทยทั้งปีจะโตได้ 0% เมื่อเทียบกับปี 61 แต่ถ้าได้เดือนละ 21,000 ล้านเหรียญฯขึ้นไป จะเป็นบวกได้ 1-2% ส่วนค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เสนอให้ผู้ส่งออกทำประกันความเสี่ยงค่าเงิน อีกทั้งยังมีโครงการช่วยเหลือผู้ส่งออกรายเล็ก โดยให้เงินสนับสนุน 50,000 บาท เพื่อให้ไปทำสว็อป และให้ใช้เงินสกุลท้องถิ่นทำการค้า เพื่อลดผลกระทบจากความผันผวนของค่าเงินด้วย”