ส่งออกข้าวรับอานิสงส์ “บาทอ่อน” ดันเป้าปีนี้แตะ 7 ล้านตัน

  • ทำให้ความสามารถแข่งขันด้านราคาดีขึ้น
  • ทำให้ตลาดผู้ซื้อกลับมาซื้อไทยอีกครั้ง
  • พ่อค้าเริ่มวิตก ‘แรงงานขาด-ค่าขนย้ายพุ่ง’

นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้ค่าเงินบาทที่อ่อนค่า ส่งผลดีต่อการส่งออกสินค้าไทย รวมถึงข้าวด้วย แต่มองว่าค่าเงินบาทไม่น่าจะอ่อนค่าไปกว่านี้หรือหลุด 37 บาทต่อเหรียญสหรัฐ และยังกังวลเรื่องเสถียรภาพเงินบาท เพราะมีการแกว่งตัวสูง อ่อนค่าขึ้นหรือลง 30-40 สตางค์ต่อครั้ง ทำให้การเสนอราคาขายทำได้ยากและเสี่ยงต่อการขาดทุน อีกปัจจัยบวกต่อส่งออกข้าวไทย เรื่องบาทอ่อน คือ ทำให้ความสามารถแข่งขันด้านราคาดีขึ้น ตอนนี้ข้าวสารไทยถูกว่าข้าวสารเวียดนาม 10 เหรียญสหรัฐต่อตัน

โดยราคาข้าวสารไทยอยู่ที่ 395-400 เหรียญสหรัฐต่อตัน เวียดนามราคา 405-410 เหรียญสหรัฐต่อตัน แต่สูงกว่าปากีสถาน ที่มีราคา 385 เหรียญสหรัฐต่อตัน อีกปัจจัยบวก คือ ผลผลิตข้าวเปลือกนาปรังฤดูรอบสองปี 2565 ที่ผลผลิตจะออกสู่ตลาดเดือนสิงหาคม-กันยายนนี้ ปริมาณจะสูงกว่าปีก่อน เนื่องจากปีนี้ฝนชุกน้ำดี คาดผลผลิตได้ 6 ล้านตันข้าวเปลือก รวมกับรอบแรกเกิน 3 ล้านตันข้าวเปลือก รวมนาปรังปีนี้จะประมาณ 9 ล้านตันข้าวเปลือกจากปีก่อนต่ำกว่า 8 ล้านตันข้าวเปลือก ทำให้ราคาข้าวสารลดลงจาก 2-3 เดือนก่อน จากตันละ 1.6 หมื่นบาท มาอยู่ที่ 1.35 หมื่นบาท

ถือเป็นปีที่ดีของส่งออกข้าวไทย ผลจากราคาข้าวลดลงทำให้ตลาดผู้ซื้อกลับมาซื้อไทยอีกครั้งและบางประเทศซื้อมากขึ้น เช่น มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ อิรัก เป็นต้น จึงมีโอกาสที่ไทยจะส่งออกข้าวเกิน 7 ล้านตัน จากเป้าตั้งไว้ 6 ล้านตัน ครึ่งปีแรกส่งออกได้แล้ว 3.5 ล้านตัน ครึ่งหลังปีนี้อย่างต่ำน่าจะ 3.5-4 ล้านตัน เป็นอับดับ 2 ส่งออกข้าวโลก รองจากอินเดีย ที่ยังโหมส่งออก 21-22 ล้านตันต่อปีและใช้ราคาทำตลาด ซึ่งข้าวอินเดียถูกกว่าและห่างไทยถึง100 เหรียญต่อตัน

และไทยยังแซงเวียดนามที่ส่งออกปีละ 6.2-6.5 ล้านตัน เพราะเวียดนามเน้นข้าวมูลค่าสูงทั้งข้าวพื้นนุ่มและข้าวหอมมะลิ ส่วนข้าวคุณภาพต่ำลงจะซื้อจากกัมพูชาและอินเดียเพื่อมาแปรรูปอาหารประเภทเส้น

ส่วนปัญหาของผู้ส่งออกตอนนี้ คือ ต้นทุนขนย้ายข้าวถึงเรือใหญ่ เนื่องจากจำนวนแรงงานไม่เพียงพอ ทำให้การโหลดสินค้าขึ้นเรือสำหรับข้าวต้องการ 3 พันตันต่อวัน แต่แรงงานทำได้แค่ 800-1,000 ตันต่อวัน ซึ่งการจะเพิ่มแรงงานต่างด้าวก็ทำได้ยากขึ้น มีค่าใช้จ่ายสูงขึ้น และเมื่อขนข้าวได้ลดลงเรือจอดนานขึ้นก็ต้องจ่ายค่าล่าช้าพุ่งหลักหลายหมื่นถึงแสนเหรียญสหรัฐในบางช่วง

เรื่องนี้ทางผู้ประกอบการก็ทำหนังสือถึงสมาคมให้เจรจากับบริษัทเรือผ่อนปรนเรื่องเวลาและค่าใช้จ่าย ซึ่งกำลังเจรจาหาทางออก โดยเฉพาะช่วงนี้ฝนชุกกระทบต่อการขนย้าย อีกประเด็นกำลังติดตามคือการแพร่ระบาดของโควิดจากนี้จะรุนแรงและเป็นอุปสรรคต่อการส่งออกหรือไม่