สี จิ้นผิง” เรียกร้องสมาชิกเอเปกเปิดเสรีทางการค้า-ลงทุน

.หลังประธานาธิบดี”โดนัลด์ ทรัมป์” แพ้ศึกเลือกตั้งผู้นำสหรัฐฯ

.ย้ำจีนยังคงยึดมั่นการเปิดเสรี ร่วมมือ และเจรจาการค้าพหุภาคี

.ชี้ปกป้องผลประโยชน์ กลั่นแกล้ง เพิ่มความเสี่ยงให้เศรษฐกิจโลก

สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า วันนี้ ผู้นำกลุ่มความร่วมทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (เอเปก) ได้ประชุมผ่านระบบการประชุมทางไกล และเรียกร้องให้สมาชิกสนับสนุนการค้าแบบพหุภาคี และร่วมกันฟื้นฟูเศรษฐกิจโลก ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 รวมถึงจะกระชับความสัมพันธ์กับนายโจ ไบเดน ผู้นำคนใหม่ของสหรัฐฯให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น

โดยในการประชุมดังกล่าว ประกอบด้วยสมาชิก 21 เขตเศรษฐกิจ ซึ่งรวมถึงไทยด้วยนั้น โดยมีมาเลเซียเป็นเจ้าภาพนั้น ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ของจีน กล่าวถ้อยแถลงปฏิเสธลัทธิปกป้อง และย้ำว่า โลกาภิวัฒน์เป็นสิ่งที่หวนคืนกลับมาไม่ได้ แต่เราจะไม่จำกัดวง หรือเอาใครออกไป  

“จีนยังคงยึดมั่นในการเปิดกว้าง ร่วมมือ และการเจรจาแบบพหุภาคี รวมถึงหลักการปรึกษาหารืออย่างกว้างขวาง การมีส่วนร่วม และการแบ่งปันผลประโยชน์ การยึดติดกับการเจรจา 2 ฝ่าย การปกป้องผลประโยชน์ และการกลั่นแกล้ง รวมถึงการต่อต้านโลกาภิวัฒน์ เพิ่มความเสี่ยง และความไม่แน่นอนให้กับเศรษฐกิจโลก”  

นอกจากนี้ จีนจะเดินหน้าปรับปรุงการเปิดเสรีด้านการค้าและการลงทุน เพื่อนำไปสู่การบรรลุข้อตกลงการค้าเสรีคุณภาพสูงกับอีกหลายประเทศทั่วโลก 

ประธานาธิบดีสี กล่าวอีกว่า จีนมีความเชื่อมั่นและมีความสามารถอย่างเต็มเปี่ยมในการรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจ และมั่นใจว่าจะบรรลุเป้าหมายการสร้างสังคมที่เจริญรุ่งเรืองปานกลางในทั่วทุกภาคส่วน และเชื่อว่าจีนจะบรรลุเป้าหมายการขจัดความยากจนในช่วงเวลาที่กำหนดไว้    

สำหรับการกล่าวถ้อยแถลงครั้งนี้ มีขึ้นก่อนที่การประชุมเอเปคอย่างเป็นทางการในวันที่ 20 พ.ย.นี้ ขณะที่ทั่วโลกจับตาประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะเป็นตัวแทนของสหรัฐฯเข้าร่วมการประชุมทางไกลของกลุ่มเอเปด้วย โดยนายทรัมป์ ได้ใช้นโยบายปกป้องทางการค้าหลังจากขึ้นเป็นผู้นำสหรัฐฯ รวมถึงมีการปรับขึ้นภาษี สินค้าที่นำเข้าจากจีนมูลค่าพลายพันล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นของสงครามการค้าระหว่าง 2 ประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจของโลก 

อย่างไรก็ตาม มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่า การเข้าร่วมประชุมผู้นำเอเปกของนายทรัมป์ครั้งนี้ หลังจากเข้าร่วมครั้งสุดเท้ายเมื่อปี 60 นั้น เพราะสหรัฐฯ กำลังสูญเสียอิทธิพลในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกให้แก่จีน จากการที่ผู้นำกลุ่มสมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ซึ่งมีสมาชิก 10 ประเทศ และคู่เจรจา 5 ประเทศ ได้แก่ จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ได้ลงนามความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (อาร์เซ็ป) เมื่อวันที่ 15 พ.ย.ที่ผ่านมา โดยสหรัฐฯไม่มีส่วนร่วมในความตกลงนี้ ที่ถือเป็นความตกลงการค้าเสรีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ครอบคลุมประชากรโลกเกือบ 1 ใน 3 ของโลก และมีผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) รวมกันราว 30% ของจีดีพี