สิ้นสุดทางพี่-น้อง!… กลยุทธ์เลียนแบบศรีธนญชัย “รักลุงตู่ อยู่กับลุงป้อม”

  • วลีเบี่ยงเบนการแตกหักรุนแรง
  • “บิ๊กป้อม” เลือกข้างชัดเจน เลือกน้องชาย “พัชรวาท”
  • ข่าวแว่วประกาศจ่ายเงินให้ผู้ไม่ลาออกตาม “บิ๊กตู่” ไป
  • รับไปเลยคนละ 1 ล้านบาท เพียงไปลงชื่อไม่ลาออกก็รับเงินสดได้ทันที

สโลแกน “รักตู่ อยู่กับป้อม” กลายเป็นกลยุทธ์เลียนแบบศรีธนญชัยที่พยายามเบี่ยงเบนการแตกหักอย่างรุนแรงของ 2 บิ๊กระหว่าง “บิ๊กตู่”พล.อ.ประ ยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กระทรวงกลาโหม กับ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ให้สังคมเกิดความงุนงง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คำพูดที่มักจะออกจากปาก 2 บิ๊กที่ว่า พวกเขารู้จักคบหาเป็นพี่น้องกันมาในค่ายทหารมากกว่า 50 ปี จนไม่มีอะไรจะแยกพวกเขาออกจากกันได้ แต่ในที่สุด ทั้ง 2 บิ๊ก คือ “บิ๊กตู่” และ “บิ๊กป้อม” ก็แตกหักกันอย่างรุนแรง และมีท่าทีที่จะทวีความรุนแรงขึ้นตามลำดับ

การแตกหักกันดังกล่าว มีสาเหตุจาก พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ หรือ “บิ๊กป๊อด” ซึ่งได้รับมอบหมายจาก บิ๊กป้อม พี่ชาย ให้ดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ รวมถึงสำนักงานป้องกันและปราบปรามยากเสพติด (ปปส.) ตลอดจนถึงงานในสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) ด้วยการมอบหมายงานทั้งหมดให้แก่ พล.ต.อ.พัชรวาท ดังกล่าว ทำให้เขามีอำนาจในการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจทั้งประเทศ รวมถึงการดูแลคดีของ ปปส.และ ปปช. ที่สามารถให้คุณให้โทษแก่ผู้คนได้ทั้งหมด นั่นทำให้พล.อ. ประยุทธ์ ซึ่งไม่เห็นด้วยมานาน ขอคืนอำนาจในมือ พล.ต.อ.พัชรวาท กลับคืน

ทั้งนี้ เร่ิมต้นจากการไม่ยอมรับบัญชีรายชื่อการแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจที่เสนอมา และให้การแต่งตั้งโยกย้ายนายตำรวจทั่วประเทศต้องเป็นไปตามที่นายกรัฐมนตรีเห็นสมควร นอกจากนี้ ยังมีความไม่เห็นด้วยเกี่ยวกับการทำงานของพล.ต.อ.พัชรวาท อีกหลายเรื่อง กระทั่ง พล.อ.ประยุทธ์ ได้แสดงท่าทีไม่ต้องการให้ พล.ต.อ.พัชรวาท เข้ามายุ่งเกี่ยวในงานของรัฐบาลอีก

“เรื่องนี้รุนแรงมาก ไม่ใช่แค่เหยียบหัวแม่เท้ากันเท่านั้น แต่ถึงขั้นเอาเท้าเหยียบลงกลางอกของพล.ต.อ.พัชรวาท เลยซึ่งท้ายสุด “บิ๊กป้อม” ก็ตัดสินใจ แตกหักกับ พล.อ.ประยุทธ์ ด้วยการเลือกข้างน้องชาย”

ผลจากการนี้ยังทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ ตัดสินใจออกจากพรรคพลังประชารัฐ โดยมีรัฐมนตรีคนอื่นๆ ตามมาด้วย เช่นนายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.กระทรวงแรงงานและ ผู้อำนวยการพรรคพลังประชารัฐ 

ในขณะที่มีกระแสข่าวยืนยันว่า ผู้บริหารพรรคพลังประชารัฐ ได้ประกาศจ่ายเงินให้แก่ผู้ไม่ลาออกตาม พล.อ.ประยุทธ์หรือนายสุชาติไป ในสนนราคาคนละ 1 ล้านบาท เพียงแค่ไปลงชื่อไม่ลาออกแล้วรับเงินสดไปได้ในทันที ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้งค่อยว่ากันทีหลัง 

อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวได้รับรายงานว่า ช่วงเวลานี้ ต้องจับตาดูการเคลื่อนไหวต่างๆ ที่บรรดาพรรคการเมือง เพราะคาดเดาลำบากว่า ทิศทางจะไปอย่างไร เนื่องจากมีการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์กันทุก 2 วัน โดยเฉพาะการแลกผลประโยชน์ หรือ สัญญาจะให้ผลประโยชน์ต่อกัน

กรณีตัวอย่าง เมื่อศาลรัฐธรรมนูญตัดสินให้กลับมาใช้ พ.ร.บ.เลือกตั้งเดิม ในสูตรหาร 100 ว่าไม่ขัดรัฐธรรมนูญสถานการณ์อาจพลิกผันไปอีก เพราะพรรคเล็กๆ จะเสียเปรียบ จำต้องยอมควบรวมกัน 

ส่วนว่าพรรคใดได้เสียงข้างมากสามารถเสนอชื่อบุคคลชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้นั้น ผู้สื่อข่าวได้รับรายงานว่า “ส่ิงที่เห็น อาจไม่ใช่ส่ิงที่ใช่ในวันข้างหน้า”

เนื่องจากวันนี้มีกระแสข่าวถูกปล่อยออกมามากว่า มีความพยามยามจะซื้อเสียงของสมาชิกวุฒิสภา 250 คน ให้อยู่ข้างใดข้างหนึ่ง อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้จำเป็นต้องตรวจสอบให้ชัดเจนว่า เป็นข่าวโคมลอย เฟคนิวส์ หรือไม่ ไม่เช่นนั้นอาจสร้างความเสื่อมเสียชื่อเสียงให้แก่บรรดา ส.ว. ได้ 

สำหรับผู้สมัครชิงเก้าอี้นายกรัฐมนตรีในการเลือกตั้งครั้งหน้านั้น นอกจากไม่ตัดชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ ออกจากกระดานแล้ว ยังมีอีก 2 รายช่ือที่ตัดไม่ได้คือ ผู้ที่มีช่ือนำหน้า ก.ไก่ หรือแม้แต่ ผู้มีชื่อขึ้นต้นด้วย พ.พาน และ ป.ปลา อีกตัว ซึ่งแต่ละคนล้วนไม่มีช่ืออยู่ในวังวนอุบาศว์ของการเมืองเลย