สินทรัพย์ดิจิทัลกับความยั่งยืนใน EU

โลกของการลงทุนยุคใหม่ ต้องยอมรับว่า “สินทรัพย์ดิจิทัล” และ “ความยั่งยืน” เป็นเรื่องใหม่ที่ได้รับความสนใจอย่างมาก จนกลายเป็นเทรนด์การลงทุนสมัยใหม่ทั้งในตลาดทุนไทยและ ตลาดทุนในต่างประเทศ

​“คุณนายพารวย” ทราบมาว่า เมื่อเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา “ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย” ได้ไปศึกษาดูงานที่สวิตเซอร์แลนด์และเยอรมนี โดยได้ประชุมหารือและแลกเปลี่ยนประสบการณ์ร่วมกับองค์กรทั้งภาครัฐและเอกชน ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มธุรกิจเกี่ยวโยงกับด้านสินทรัพย์ดิจิทัล เช่น SIX Digital Exchange, Deutsche Borse Group และกลุ่มที่เกี่ยวกับเรื่องความยั่งยืนและการกำกับดูแล อย่าง Gold Standard, European Energy Exchange, Swiss National Bank

​ทั้งสองประเทศอยู่ในกลุ่ม EU ที่เป็นศูนย์กลางทางการเงิน และมีการพัฒนาเรื่องสินทรัพย์ดิจิทัลที่ก้าวหน้ากว่าประเทศอื่นๆในกลุ่ม เห็นได้จากการที่มีธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลเป็นจำนวนมาก เช่น SIX Digital Exchange ที่เคยทำธุรกิจตลาดหลักทรัพย์มาก่อน ก่อนจะขยายตัวมาทำสินทรัพย์ดิจิทัล

ขณะที่ด้านความยั่งยืน 2 ประเทศนี้ ก็ไม่ต่างจากประเทศอื่น ๆ ทั่วโลก ที่ให้ความสำคัญกับเรื่อง ESG โดยเฉพาะด้านสิ่งแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็นการลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ,การใช้พลังงานทดแทน สะท้อนถึงแนวโน้มการลงทุนที่เพิ่มขึ้นในพันธบัตร Green Bond, Weather Derivatives (อนุพันธ์ที่เกี่ยวกับภูมิอากาศ) และคาร์บอนเครดิต

สังคมโลกให้ความสำคัญกับการจัดการด้านคาร์บอนมากขึ้นอย่างชัดเจน แต่ส่วนใหญ่ยังเป็นตลาดคาร์บอนแบบภาคบังคับ ต้องพึ่งการกำกับดูแลของภาครัฐ ขณะที่ตลาดคาร์บอนแบบภาคสมัครใจยังอยู่ในช่วงการเริ่มต้น สำหรับโครงการคาร์บอนเครดิตในไทย ส่วนใหญ่ยังเลือกใช้มาตรฐานของไทยเป็นหลัก มีเพียงส่วนน้อยที่เลือกขึ้นทะเบียนกับ Gold Standard หรือองค์กรอื่นในระดับสากล โดยเฉพาะคาร์บอนเครดิตที่เกี่ยวกับการปลูกป่า

ด้านสินทรัพย์ดิจิทัล โดยภาพรวม ยังมีขนาดเล็กเมื่อเทียบกับสินทรัพย์แบบดั้งเดิม อย่าง หุ้น, กองทุน อย่างไรก็ตาม ทั้งตลาดลงทุนสินทรัพย์ดั้งเดิม และสินทรัพย์ดิจิทัลยังคงดำเนินการควบคู่กันไป

ตลาดหลักทรัพย์ฯก็จะได้นำมาความรู้และประสบการณ์ที่ได้ครั้งนี้ มาพัฒนาแผนงานที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาโครงการเพื่อส่งเสริมให้ไทยมีคาร์บอนเครดิตตามมาตรฐานของ Gold Standard เพิ่มขึ้น โดยกำลังพิจารณาข้อตกลงความร่วมมือระหว่าง Gold Standard และตลาดหลักทรัพย์ฯ ในอนาคต นอกจากนี้ ยังจะสนับสนุนให้ผู้พัฒนาโครงการสามารถขอขึ้นทะเบียนคาร์บอนเครดิตของ Gold Standard ได้มากขึ้น

รวมทั้งการพัฒนาระบบและเครื่องมือเพื่อช่วยให้ บจ. สามารถระบุและคำนวณปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เพื่อให้สามารถเปิดเผยข้อมูลได้ตามเกณฑ์ของก.ล.ต. และการประเมินบริษัทจดทะเบียนในการคัดเลือกหุ้นยั่งยืน ซึ่งจะมีการประกาศผลรายชื่อหุ้นยั่งยืนในเดือนพ.ย. 2566 นี้

ส่วนด้านสินทรัพย์ดิจิทัล ก็จะมีการเพิ่มช่องทางการระดมทุนในรูปแบบใหม่ๆ โดยเฉพาะโทเคนเพื่อการลงทุน (Investment Token) โดยมีแผนทำงานร่วมกับหน่วยงานกำกับดูแล เช่น ก.ล.ต. กระทรวงคลัง แบงก์ชาติ และภาคอุตสาหกรรม เพื่อผลักดันการปรับปรุงกฎเกณฑ์ให้ยืดหยุ่นและตอบโจทย์ในการพัฒนาตลาดทุนไทย