สาธารณสุข เดินหน้าพัฒนาระบบสาธารณสุขและเศรษฐกิจ

“สันติ”​ หารือ สภาธุรกิจสหภาพยุโรป-อาเซียน เผยความร่วมมือวันนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นที่จะร่วมกันเพิ่มประสิทธิภาพระบบสาธารณสุขของประเทศไทย

  • แลกเปลี่ยนข้อมูลด้านโครงสร้างพื้นฐาน
  • การดูแลสุขภาพและระบบนิเวศ
  • ส่งเสริมการพัฒนาระบบสาธารณสุขและเศรษฐกิจ

นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวเปิดงาน EU-ASEAN Business Council Thailand Health Roadshow – Thailand Healthcare Outlook: Better Health Tomorrow  ว่า เป็นครั้งแรกของสภาธุรกิจสหภาพยุโรป-อาเซียน (EU-ABC ) ที่ได้จัดงานนี้ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หลังจากมีการดำเนินงานร่วมกับภาครัฐและเอกชนของไทยมาเป็นเวลานาน ผ่านกิจกรรมต่างๆ เช่น business mission ในทุกๆ ปี เพื่อสร้างความเข้าใจนโยบายและการดำเนินงานของระบบสาธารณสุขไทย รวมทั้งส่งเสริมโอกาสการค้าและการลงทุนในด้านสาธารณสุขระหว่างไทย อาเซียน และยุโรปด้วย โดยในปีนี้ได้จัด Health Roadshow เพิ่มขึ้นมาเป็นโอกาสพิเศษ เริ่มจากประเทศฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย มาเลเซีย และไทยเป็นที่สุดท้าย

ทั้งนี้รัฐบาลไทยและกระทรวงสาธารณสุขมีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาและขับเคลื่อนนโยบายหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า เพื่อให้ประชาชนมีหลักประกันสุขภาพที่มีความครอบคลุมและเข้าถึงบริการได้ดียิ่งขึ้น โดยก้าวสำคัญในการ “ยกระดับหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า” คือ การให้ประชาชนทุกระดับใช้บัตรประชาชนใบเดียวเข้ารับบริการสุขภาพได้ทุกที่ทุกหน่วยบริการ ไม่ว่าจะเป็นโรงพยาบาลของรัฐ เอกชน คลินิก หรือร้านขายยาใกล้บ้าน เพื่อความสะดวก รวดเร็ว และมีทางเลือกในการเข้ารับการดูแลรักษาที่เหมาะสม นอกจากนี้ ยังมุ่งมั่นที่จะแก้ไขปัญหาโครงสร้างประชากร ทั้งการส่งเสริมการมีบุตรอย่างมีคุณภาพรองรับการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ การผลักดันเรื่องเศรษฐกิจสุขภาพและนักท่องเที่ยวปลอดภัย เพื่อต่อยอดเศรษฐกิจไทย รวมไปถึงการให้ความสำคัญกับการนำเทคโนโลยีสารสนเทศที่ทันสมัยและนวัตกรรมใหม่ ๆ มาประยุกต์ใช้ เพิ่มประสิทธิภาพของระบบบริการทางการแพทย์และสาธารณสุข เช่น ระบบการแพทย์ทางไกล การนัดหมายออนไลน์ ใบรับรองแพทย์อิเล็กทรอนิกส์ รวมไปถึงการดูแลผู้ป่วยที่บ้าน เพื่อตอบสนองความต้องการที่แท้จริงของคนในประเทศ

 “ความร่วมมือในวันนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นที่จะร่วมกันเพิ่มประสิทธิภาพระบบสาธารณสุขของประเทศไทยผ่านการแลกเปลี่ยนข้อมูลจากบทเรียนและแนวทางปฏิบัติที่ดี เพื่อนำข้อมูลดังกล่าวมาเป็นตัวช่วยในการเร่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ด้านการดูแลสุขภาพและระบบนิเวศที่เกี่ยวข้อง ให้สามารถบรรลุผลลัพธ์ด้านสาธารณสุขได้อย่างยั่งยืน ผ่านนวัตกรรมและการทำงานร่วมกันอย่างต่อเนื่องต่อไป” นายสันติกล่าว