สหรัฐฯ ยิงวัตถุต้องสงสัยตกนอกฝั่งอะแลสกา หวั่นอันตรายต่อเครื่องบิน

  • ไม่ทราบว่าใครเป็นเจ้าของวัตถุชิ้นนี้
  • มีจุดเริ่มต้นการเดินทางจากที่ใด

นายจอห์น เคอร์บี โฆษกทำเนียบขาวสหรัฐฯ เปิดเผยว่า เครื่องบินขับไล่ F-22 ของสหรัฐฯ ยิงวัตถุที่ไม่สามารถระบุตัวตน ที่บินอยู่เหนืออะแลสกา ตามคำสั่งของประธานาธิบดี โจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐฯ

กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ เพิ่มเติมว่า F-22 ยิงขีปนาวุธไซด์วินเดอร์ (Sidewinder missile)โจมตีวัตถุซึ่งมีขนาดเท่ากับรถยนต์ขนาดเล็ก พร้อมยอมรับว่าไม่ทราบว่าใครเป็นเจ้าของวัตถุชิ้นนี้ มีจุดเริ่มต้นการเดินทางจากที่ใด และกำลังจะไปที่ใด

เหตุการณ์นี้ เกิดขึ้นในเวลาที่ไม่ถึง 1 สัปดาห์หลังจากที่ F-22 ยิงบอลลูนของจีนตกนอกชายฝั่งเซาท์แคโรไลนา หลังการเดินทางข้ามสหรัฐฯ และบางส่วนของแคนาดาเป็นเวลานาน 1 สัปดาห์ ซึ่งทำให้มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ความล่าช้าในการตัดสินใจ โดยกองทัพสหรัฐฯ แนะนำประธานาธิบดีไบเดน ว่าให้รอจนกว่าบอลลูนเข้าสู่เขตมหาสมุทรจึงออกคำสั่งยิง ส่วนวัตถุต้องสงสัยที่ถูกยิงครั้งล่าสุดนี้ ทำเนียบขาว เปิดเผยว่า มีขนาดเล็กกว่าบอลลูนของจีน

ทั้งนี้ กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ตรวจพบวัตถุต้องสงสัยครั้งแรกในวันพฤหัสบดี (9 ก.พ.66) โดยใช้เรดาร์ภาคพื้นดิน จากนั้นส่งเครื่องบิน F-35 ไปตรวจสอบ พบว่าวัตถุกำลังบินอยู่ที่ระดับประมาณ 40,000 ฟุต (12,190 เมตร) ในทิศทางตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อการจราจรทางอากาศของพลเรือน

เมื่อวัตถุเข้าสู่เขตนอกชายฝั่งทางตะวันออกเฉียงเหนือของอแลสกา สำนักงานการบินพลเรือนแจ้งปิดน่านฟ้าบางส่วน เพื่อสนับสนุนปฏิบัติการของกระทรวงกลาโหม และ F-22 ขึ้นบินในปฏิบัติการยิงวัตถุต้องสงสัย เหนือน่านน้ำที่เป็นน้ำแข็งของสหรัฐฯ ใกล้ชายแดนแคนาดา ซึ่งเจ้าหน้าที่เปิดเผยว่า การเก็บกู้ชิ้นส่วนของวัตถุออกจากน้ำแข็งง่ายกว่าการเก็บบอลลูนของจีน ซึ่งชิ้นส่วนจะจมลงในมหาสมุทรเมื่อถูกยิงตก