สหรัฐฯ ตัดสิทธิ GSP: แรงกดดันระลอกใหม่ … ธุรกิจไทยจำเป็นต้องเตรียมรับความไม่แน่นอนต่อจากนี้

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยรายงานว่า การที่สหรัฐฯ ลดทอนสิทธิ GSP ที่ให้แก่สินค้าไทยบางรายการในครั้งนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า ส่งผลต่อการส่งออกไทยไปสหรัฐฯ ค่อนข้างจำกัด เนื่องจากสินค้าในรายการที่ถูกตัดสิทธิมีสัดส่วนเพียงร้อยละ 4.1 ของการส่งออกทั้งหมดของไทยไปสหรัฐฯ ขณะที่ความเปราะบางของเศรษฐกิจสหรัฐฯ และประเด็นการแข็งค่าของเงินบาท เป็นปัจจัยหลักที่เหนี่ยวรั้งการส่งออกของไทยไปสหรัฐฯ ปี 2563 อ่อนไหวต่อเนื่องจากปีนี้

อย่างไรก็ดี การตัดสิทธิ GSP ในอีก 6 เดือนข้างหน้า ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่าภาคธุรกิจไทยที่เกี่ยวข้องคงต้องเผชิญอัตราภาษีที่เพิ่มขึ้นไปอยู่ในอัตรา MFN แม้ว่าจะมีผลกระทบต่อธุรกิจไทยในภาพรวมค่อนข้างจำกัด เนื่องด้วยสินค้าส่วนใหญ่เผชิญอัตราภาษีไม่สูงและสินค้าไทยค่อนข้างแข็งแกร่งในตลาดสหรัฐฯ แต่น่าจะมีส่วนทำให้ไทยเผชิญความท้าทายในการทำตลาดมากขึ้น

โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าประเภทหลอดไส้ (ที่ไม่ใช้ไฟฟ้า) แว่นตา ตัวจุดระเบิดไฟฟ้า อาหารแปรรูปบางประเภทและอ่างสุขภัณฑ์เซรามิก ขณะที่ ในบางสินค้าที่มีความเสี่ยงสูญเสียตลาดสหรัฐฯ เป็นการถาวร เนื่องจากผลทางภาษีที่เปลี่ยนไปอย่างมากและความสามารถในการทำตลาดของไทยอยู่ในเกณฑ์ต่ำ อาทิ เครื่องประดับบางประเภท ตะกั่วและเคมีภัณฑ์ ผู้ประกอบการคงต้องเตรียมความพร้อมรับมืออย่างมากก่อนจะถึงวันที่ 25 เมษายน 2563 ดังนั้น โจทย์สำคัญของไทยคงไม่ได้อยู่ที่การรักษาสิทธิ GSP หรือสิทธิพิเศษทางการค้ากับนานาชาติเท่านั้น แต่ควรพุ่งเป้าไปที่การยกระดับสินค้าไทยให้มีมูลค่าเพิ่ม ซึ่งจะทำให้สินค้าไทยแข่งขันได้อย่างยั่งยืนในตลาดโลก