นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เปิดเผยว่า จากที่นายกรัฐมนตรีได้มีนโยบายที่จะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปช่วยเหลือผลิตภัณฑ์จากเกษตรกรชาวสวนยางให้สามารถพัฒนาและแปรรูปเกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นนั้น ล่าสุดกระทรวงคมนาคมได้ให้กรมทางหลวงชนท(ทช.)ไปศึกษาและพัฒนาผลิตภัณฑ์ยางดิบให้มาเป็นแผ่นยางหุ้มแบริเออร์ คอนกรีต(Rubber Fender Barrier: RFB) และทำหลักนำทางยางธรรมชาติ (Rubber Guide Post : RGP)เพื่อมาเพิ่มความปลอดภัยในการใช้ถนนของทั้งกรมทางหลวง(ทล.) และ ถนนกรมทางหลวงชนบท(ทช.)ขนาด 4 ช่องจราจรกว่า 12,000 กม.แบ่งเป็นถนนของ ทล. ประมาณ 11,000 กม. และ ถนนของ ทช. ประมาณ 1,000 กม. โดยในวันศุกร์ที่ 12 มิย.นี้ จะมีการลงนามในบันทึกข้อตกลง(MOU)ระหว่างกระทรวงคมนาคม กับ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อร่วมมือกันในการนำผลิตภัณฑ์จากเกษตรกรมาผลิตใช้ให้เกิดประโยชน์ และเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ
ทั้งนี้โครงการดังกล่าวจะนำผลิตภัณฑ์จากการพัฒนาจากยางพารามาเป็นอุปกรณ์ทางที่ผ่านมาตรฐานความปลอดภัยมาใช้ในงานทางของ ทล. และ ทช.ในระยะเวลาดำเนินการ3ปี(ปี63-65) ซึ่งจะช่วยให้มีการใช้น้ำยางพาราดิบจากเกษตรกรชาวสวนยางมาใช้รวมประมาณ 1 ล้านตันภายใน 3 ปี และจากการศึกษาจะพบว่าผลประโยชน์ที่เกษตรกรจะได้รับเงินมากขึ้น เช่นจากงบประมาณ 100 บาท เดิม จะถึงมือเกษตรกรประมาณ 5.10 บาท เพิ่มเป็น 70 บาท และทั้งโครงการจะทำให้เงินถึงมือเกษตรกรรวมกว่า 30,108.463 ล้านบาท
นอกจากนั้นยังได้สั่งการให้ ทล. และ ทช. ไปจดสิทธิบัตรแผ่นยางพาราหุ้มแบริเออร์ ซึ่งถือเป็นนวัตกรรมที่คิดค้นขึ้นมาใหม่ และใช้วัตถุดิบภายในประเทศ (Local Content) พร้อมมอบหมายให้มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (มอ.) ไปศึกษาวิธีการใช้น้ำยาเคลือบแผ่นยางพาราแบริเออร์ เพื่อยืดอายุเวลาจาก 3 ปี เป็น 5 ปี รวมถึงศึกษาการนำมาปรับปรุงใช้ใหม่อีกครั้ง (รีโนเวท) เมื่อหมดอายุการใช้งานแล้ว
.
