รัฐเผยโครงการพัฒนาคลองเปรมคืบหน้า 70% สร้างบ้านมั่นคงเสร็จ 844 หลัง

  • พร้อมพัฒนาคูน้ำริมถนนวิภาวดีรังสิต
  • ย้ำขอความร่วมมือทุกหน่วยงาน
  • ขับเคลื่อนโครงการให้เป็นไปตามแผนงาน

วันที่ 18 มิ.ย. 66 นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ติดตามความก้าวหน้า โครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยชุมชนริมคลองเปรมประชากร

ล่าสุด มีผลการดำเนินงานก่อสร้างบ้านเสร็จ ชาวบ้านเข้าอยู่อาศัยแล้ว 844 ครัวเรือน และโครงการก่อสร้างทางสายพัฒนาคูน้ำริมถนนวิภาวดีรังสิต ตอนที่ 1-3 มีความคืบหน้าผลงานโดยรวมร้อยละ 70

โดยยังมีปัญหาอุปสรรคจากผลกระทบการแพร่ระบาดของโควิด-19 และสาธารณูปโภคกีดขวางแนวก่อสร้าง นายกรัฐมนตรีจึงย้ำขอความร่วมมือทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมขับเคลื่อนการพัฒนาโครงการฯ ให้แล้วเสร็จเป็นไปตามแผนที่กำหนด

นายอนุชาฯ กล่าวถึงผลการดำเนินโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยชุมชนริมคลองเปรมประชากร โดยสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) (พอช.) กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ล่าสุดมีความก้าวหน้าการดำเนินโครงการบ้านมั่นคงชุมชนริมคลองเปรมประชากรในพื้นที่ 10 ชุมชน จำนวน 1,159 ครัวเรือน ก่อสร้างบ้านเสร็จ ชาวบ้านเข้าอยู่อาศัยแล้ว 844 ครัวเรือน

ขณะที่ความก้าวหน้าโครงการก่อสร้างทางสายพัฒนาคูน้ำริมถนนวิภาวดีรังสิต ถนนวิภาวดีรังสิต สรุปผลการดำเนินโครงการฯ (ข้อมูล ณ 25 พฤษภาคม 2566) ตอนที่ 1 ร้อยละ 63.332 ตอนที่ 2 ร้อยละ 68.487 และตอนที่ 3 ร้อยละ 80.294 คิดเป็นความก้าวหน้าผลงานรวมร้อยละ 70

โดยข้อมูลกรมทางหลวงรายงานว่ามีปัญหาอุปสรรคจากปัญหาขาดแคลนแรงงานเนื่องจากผลกระทบการแพร่ระบาดของโควิด-19 และสาธารณูปโภคกีดขวางแนวก่อสร้าง ส่งผลให้งานล่าช้ากว่าแผนที่กำหนดไว้ ซึ่งได้มีการแก้ไขปัญหาโดยประสานแจ้งหน่วยงานสาธารณูปโภค ดำเนินการรื้อย้ายไปแล้วบางส่วนและตามแผนการเข้าทำงานของบริษัทผู้รับจ้าง นายกรัฐมนตรีจึงย้ำขอความร่วมมือหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน รัฐวิสาหกิจที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันบูรณาการการขับเคลื่อนการพัฒนาโครงการฯ ให้แล้วเสร็จเป็นไปตามแผนที่กำหนดไว้ เพื่อให้เกิดผลสำเร็จในการยกระดับความเป็นอยู่ของชุมชน สังคม สิ่งแวดล้อม และคุณภาพชีวิตอย่างยั่งยืน

“การดำเนินงานโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยชุมชนริมคลองเปรมประชากร และโครงการก่อสร้างทางสายพัฒนาคูน้ำริมถนนวิภาวดีรังสิต เป็นโครงการนำร่องที่จะพัฒนาประเทศชาติและพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชน ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลในการแก้ปัญหาสิ่งรุกล้ำลำคลอง ทำให้การระบายน้ำในคลองมีประสิทธิภาพ ช่วยป้องกันน้ำท่วม รวมทั้งการพัฒนาประเทศไปสู่ความมั่นคงในระยะยาว

โดยสร้างความเสมอภาคเท่าเทียมกันในสังคม สร้างความเข้มแข็งให้กับเศรษฐกิจ ตลอดจนสร้างความมั่นคงทางด้านที่อยู่อาศัยให้กับประชาชน โดยนายกรัฐมนตรีย้ำว่ารัฐบาลจะเดินหน้าโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยชุมชนฯ และปรับภูมิทัศน์พัฒนาคูคลอง สนองพระบรมราโชบายในหลวงรัชกาลที่ 10 ในการฟื้นฟูคูคลองให้กลับมาสวยงาม และต้องสร้างประโยชน์ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวด้วย

ทั้งนี้ ในส่วนการดำเนินโครงการพัฒนาคูน้ำริมถนนวิภาวดีรังสิตในระยะที่ผ่านมาได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นอย่างดี ผลการดำเนินการมีความก้าวหน้า แต่ยังมีปัญหาอุปสรรค สืบเนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ส่งผลให้งานล่าช้ากว่าแผนที่กำหนดไว้ นายกรัฐมนตรีจึงย้ำขอความร่วมมือหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน รัฐวิสาหกิจ ได้ร่วมกันบูรณาการขับเคลื่อนการพัฒนาโครงการให้เป็นไปตามแผนงาน เพื่อให้เกิดผลสำเร็จอย่างยั่งยืนต่อไป” นายอนุชาฯ กล่าว

โครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยชุมชนริมคลองเปรมประชากร ได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 9 เมษายน 2562 มีระยะความยาวคลองประมาณ 17 กิโลเมตร จากความยาวทั้งหมด 50.8 กิโลเมตร ใช้รูปแบบการพัฒนาที่อยู่อาศัยตามแนวทางโครงการบ้านมั่นคง มีกลุ่มเป้าหมายการดำเนินการ 38 ชุมชน 4 พื้นที่ ได้แก่ ดอนเมือง หลักสี่ จตุจักร กรุงเทพฯ รวม 32 ชุมชน และพื้นที่เทศบาลตำบลหลักหก อำเภอเมือง จังหวัดปทุมธานี เริ่มดำเนินการปี 2562

ปัจจุบันมีความคืบหน้ารื้อย้ายบ้านรุกล้ำได้ประมาณ 850 หลัง จากบ้านรุกล้ำเดิมทั้งหมด 5,098 หลัง ก่อสร้างบ้านมั่นคงแล้วเสร็จ จำนวน 844 หลัง อยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ จำนวน 626 หลัง และอยู่ในพื้นที่ จ.ปทุมธานี จำนวน 218 หลัง โดยอยู่ระหว่างก่อสร้าง 305 หลัง อยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ จำนวน 219 หลัง และอยู่ในพื้นที่ จ.ปทุมธานี จำนวน 86 หลัง จากเป้าหมายทั้งหมด 6,386 หลัง คิดเป็นความก้าวหน้าประมาณ 18%

ปัจจุบันมีชุมชนที่ได้ดำเนินการพัฒนาแล้ว เช่น ชุมชนประชาร่วมใจ 1 และชุมชนประชาร่วมใจ 2 เขตจตุจักร ซึ่งมีการก่อสร้างเขื่อนและบ้านมั่นคงเสร็จแล้ว รวมถึงมีการปลูกต้นไม้และปรับปรุงภูมิทัศน์ริมคลอง ทำให้คลองและริมคลองมีสภาพสะอาดสวยงาม ประชาชนที่อาศัยอยู่ริมคลองมีบ้านอย่างถูกต้องตามกฎหมาย มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ซึ่งกรมธนารักษ์ได้ให้เช่าพื้นที่ 30 ปี และต่อสัญญาครั้งละ 30 ปีต่อไป