ม.หอการค้าไทย เผย 2 สาเหตุ ฉุดค่าเงินบาทอ่อน

  • สหรัฐฯขึ้นดอกเบี้ยทำคนถอนลงทุนโยกเงินไปสหรัฐฯแทน
  • ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าฉุดบาทอ่อนยวบหลุด 36 บาท/เหรียญฯ
  • คาดปีนี้ไทยขึ้นดอกเบี้ยสกัดเงินเฟ้อ 3 ครั้งมาอยู่ที่ 1.25%

นายธนวรรธน์ พลวิชัย ประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยเปิดเผยว่า ค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงมาถึงกว่า 36 บาท/เหรียญสหรัฐฯ เป็นผลมาจาก 2 สาเหตุคือ เศรษฐกิจโลกชะลอตัว ทำให้ความต้องการลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ ลดลง ทั้งหุ้น, คริปโต เคอร์เรนซี, สินค้าโภคภัณฑ์ ทั้งน้ำมัน ทองคำ ส่งผลให้คนพักการถือครองสินทรัพย์เหล่านี้ และหันมาถือเงินสดมากขึ้น ทำให้เงินไหลออกจากตลาดหุ้นไทย ประกอบกับ สหรัฐฯขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย คาดจะขึ้นต่อเนื่องจนถึงสิ้นปี โดยขึ้นครั้งละ 0.75% ทั้งปีน่าจะขึ้นไปถึง 3.25% ทำให้ผลตอบแทนดอกเบี้ยของสหรัฐฯสูงขึ้น ส่งผลให้คนหันมาถือเงินดอลลาร์สหรัฐฯ และเอากลับไปลงทุนในสหรัฐฯ จนดันให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯแข็งค่า

“ค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงมาก มาจาก 2 สาเหตุคือ เงินดอลลาร์สหรัฐฯแข็งค่า ทำให้เงินบาทอ่อน และเงินทุนไหลออกจากไทย ทั้งจากตลาดหุ้น ตลาดตราสารหนี้ เอากลับไปลงทุนที่สหรัฐฯ เพื่อผลตอบแทนดอกเบี้ยที่สูงขึ้น มองว่า ค่าเงินบาทจะทรงตัวนะดับ 36-36.5 บาท/เหรียญฯในช่วง 1-3 เดือนนี้ หลังจากนั้น เมื่อนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาไทยมากขึ้น และการส่งออกขยายตัวมากขึ้น จะทำให้ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นมาอยู่ที่ 35-36 บาท/เหรียญฯได้ ประกอบกับ ไทยจะค่อยๆ ปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย เพื่อสกัดเงินเฟ้อที่สูงขึ้น และเศรษฐกิจจะเริ่มฟื้น มองว่า ปีนี้ ไทยจะทยอยขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย 3 ครั้งต่อเนื่อง โดยปรับขึ้นครั้งละ 0.5% มาอยู่ที่ 1.25%”