“มาร์ส เพ็ทแคร์” ผนึก 6 พันธมิตร หนุนปลูกข้าวโพด-ข้าว มุ่งลดผลกระทบจากสภาพภูมิอากาศ

มาร์ส เพ็ทแคร์ ประเทศไทย ร่วมลงนามกับ 6 พันธมิตรคู่ค้าข้าวโพดและข้าว เปิดตัวกิจกรรม “Climate Actions For A Better Tomorrow” ขับเคลื่อนโครงการเกษตรกรรมฟื้นฟู (Regenerative Agriculture)

  • ยกระดับการปลูกข้าวโพดและข้าว ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญของการผลิตอาหารเลี้ยงสัตว์แบบยั่งยืน
  • หวังลดก๊าซเรือนกระจก นำร่องที่ จ.นครราชสีมา และ จ.ลพบุรี
  • พลิกโฉมด้วย Climate Smart Agriculture ขับเคลื่อนเป้าหมายความยั่งยืน มุ่งสู่ Net Zero ปี 93

นายปิยรัฐ อมรฉัตร ผู้อำนวยการด้านการจัดซื้อ ภูมิภาคเอเชีย บริษัท มาร์ส เพ็ทแคร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่ามาร์ส เพ็ทแคร์ ประเทศไทย ตระหนักถึงความสำคัญของการผลิตที่เป็นมิตรสิ่งแวดล้อมจึงร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) กับบริษัทคู่ค้า 6 ราย ประกอบด้วย ร้านตรงพานิช บริษัท ส.วิริยะอินเตอร์เทรด จำกัด บริษัท พูลอุดม จำกัด บริษัท วชาไล จำกัด (แสงตะวัน) ห้างหุ้นส่วนจำกัดกรแก้วพืชผล และบริษัท อินเตอร์เนชั่นแนลไรซ์ แอนด์โปรดักซ์ จำกัด เพื่อดำเนินกิจกรรม “Climate Actions For A Better Tomorrow” โดยมีเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตลอดห่วงโซ่การผลิตผ่านโครงการเกษตรกรรมฟื้นฟู โดยเริ่มดำเนินโครงการในการปลูกข้าวโพดและข้าวนำร่อง ที่ จ.นครราชสีมา และ จ.ลพบุรี

โดยการลงนามดังกล่าวนับเป็นการขับเคลื่อนเป้าหมายบริษัท ที่วางแนวทางการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลง 50% ภายในปี 2573 และบรรลุการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนภายในปี 2593 ซึ่งโครงการนี้สามารถช่วยลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกและมีส่วนสำคัญในการเพิ่มพูนความอุดมสมบูรณ์และฟื้นฟูดินควบคู่ไปกับการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต

“มาร์ส เพ็ทแคร์ ประเทศไทย ผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงภายใต้กรอบความยั่งยืนและหนึ่งในเป้าหมายความยั่งยืน คือ การลดผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ทั้งนี้ในดำเนินโครงการเกษตรกรรมฟื้นฟู มุ่งยกระดับสุขภาพและความอุดมสมบูรณ์ของดิน เพื่อจัดเก็บคาร์บอนและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ปรับปรุงคุณภาพของลุ่มน้ำ และเพิ่มความหลากหลายทางชีวภาพ โครงการนี้จะเสริมสร้างความร่วมมือที่เข้มแข็งกับเกษตรกร เพื่อจำกัดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและก้าวไปสู่การเกษตรแบบเท่าทันภูมิอากาศ( Climate Smart Agriculture) โดยทำงานร่วมกับซัพพลายเออร์และเกษตรกรส่งเสริมวิธีการทำเกษตรที่ดียิ่งขึ้น และการสนับสนุนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเพิ่มศักยภาพกระบวนการผลิตข้าวโพดและข้าวอย่างยั่งยืน” นายปิยรัฐ กล่าว

ด้านนายชรินทร์ ทองสุข รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า มีความยินดีในการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือของทั้ง 7 หน่วยงาน ในฐานะตัวแทน จ.นครราชสีมา ยินดีที่ภาคเอกชนมีความสนใจในการทำการเกษตรกรรมฟื้นฟู และร่วมมือกันขับเคลื่อนเรื่องลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งเป็นวาระสำคัญของทุกภาคส่วน ในส่วนของภาครัฐพร้อมที่จะสนับสนุนอย่างเต็มที่ เพื่อเดินหน้าไปสู่เป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจกจากกลุ่มภาคเกษตรกรรม เพราะเป็นอาชีพหลักของประชาชนในจังหวัดนครราชสีมา