พาณิชย์มั่นใจปีนี้ส่งออกมูลค่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์

.ทำได้แน่ 2.66-2.68 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯขยายตัว 15-16%
.หลังจับมือเอกชนผลักดัน-เศรษฐกิจโลกและคู่ค้าขยายตัว
.ส่วนปี 65 ขอประเมินร่วมกับผู้ส่งออก-ทูตพาณิชย์ก่อน

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยถึงสถิติการค้าระหว่างประเทศของไทยว่า เดือนต.ค.64 การส่งออกมีมูลค่า 22,738.7 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 17.4%เมื่อเทียบกับเดือนต.ค.63 คิดเป็นเงินบาท 750,015 ล้านบาท เพิ่ม 24.9% ส่วนการนำเข้า มูลค่า 23,108.9 ล้านเหรียญฯ เพิ่ม 34.6% คิดเป็นเงินบาท 772,540 ล้านบาท เพิ่ม 43.3% มีดุลการค้าขาดดุล 370.2 ล้านเหรียญฯ หรือ 22,52401 ล้านบาท ขณะที่ช่วง 10 เดือน (ม.ค.-ต.ค.) ปี 64 การส่งออก มีมูลค่า 222,736.4 ล้านเหรียญฯ เพิ่ม 15.7% คิดเป็นเงินบาท มูลค่า 6.952 ล้านล้านบาท เพิ่ม 16.0%การนำเข้ามูลค่า 221,089.8 ล้านเหรียญฯ เพิ่ม 31.3% คิดเป็นเงินบาทมูลค่า 6.999 ล้านล้านบาท เพิ่ม 31.8% มีดุลการค้าเกินดุล 1,646.6 ล้านเหรียญฯ แต่คิดเป็นเงินบาทขาดดุล 47,114.8 ล้านบาท

“ส่งออกไทยที่เพิ่มขึ้น เป็นผลจากการทำงานตามแผนส่งเสริมการส่งออกของกระทรวง, การเติบโตของเศรษฐกิจโลก และคู่ค้า, ค่าเงินบาทอ่อนค่า, ราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้น ทำให้มูลค่าส่งออกสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับน้ำมันสูงขึ้น มั่นใจว่า ทั้งปี 64 ส่งออกไทยจะโตได้ 15-16% เทียบปี 63 ซึ่งโตกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 4% ถึง 4 เท่า ถือเป็นอัตราการขยายตัวสูงสุดรอบ 12 ปี นับจากปี 53 ส่วนมูลค่าจะได้ถึง 266,375-268,696 ล้านเหรียญฯ สูงสุดเป็นประวัติการณ์ คิดเป็นเงินบาท 8.87 ล้านล้านบาท ขณะที่ปี 65 จะขยายตัวเท่าไร ต้องขอประเมินสถานการณ์ร่วมกับภาคเอกชน และทูตพาณิชย์ของไทยในต่างประเทศก่อน”

ด้านนายรณรงค์ พูลพิพัฒน์ ผู้อำนวยการ สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กล่าวต่อว่า ในช่วงเดือนพ.ย.-ธ.ค.64 คาดว่า มูลค่าส่งออกของไทยจะยังขยายตัวได้ต่อเนื่อง และน่าจะทำได้เฉลี่ยเดือนละ 22,000 ล้านเหรียญฯ หรือเพิ่มขึ้นเดือนละ 17% และทั้งปี 64 น่าจะเติบโตได้ถึง 15-16% เมื่อเทียบกับปี 63 คิดเป็นมูลค่า 266,375-268,696 ล้านเหรียญฯ แม้ว่า ยังมีบางสินค้า และบางตลาดที่การส่งออกของไทยยังลดลงอยู่ เช่น อัญมณีและเครื่องประดับ เครื่องรับและส่งโทรทัศน์ วิทยุ ในตลาดสหรัฐฯ หรือไก่แปรรูป เครื่องจักรกล ในตลาดญี่ปุ่น แต่จากการส่งเสริมการส่งออกของกระทรวงพาณิชย์ รวมถึงการผลักดันการเปิดด่านการค้าชายแดน ให้มากขึ้น หลังจากปิดไปเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 และการผลักดันการค้าขายผ่านออนไลน์ ทำให้การส่งออกเพิ่มขึ้นมาก