พาณิชย์คาดปีนี้เอลนีโญยังไม่รุนแรง

  • เหตุยังไม่พ้นหน้าฝนมีโอกาสเก็บน้ำฝนได้อีก
  • ยังไม่ออกมาตรการรับมือผลิต-ค้าสินค้าเกษตร
  • ส่วนปีหน้ารอผ่านฤดูฝนไปก่อนค่อยประเมินใหม่

นายกีรติ รัชโน ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้นัดประชุมคณะทำงานติดตามสถานการณ์ภัยแล้ง ร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กรมอุตุนิยมวิทยา หน่วยงานในกระทรวงพาณิชย์ ทูตพาณิชย์และพาณิชย์จังหวัด เป็นครั้งแรก โดยได้ติดตามข้อมูลสถานการณ์น้ำ ปริมาณฝน สถานการณ์ภัยแล้งที่จะเกิดขึ้นจากปรากฎการณ์เอลนีโญ รวมถึงสถานการณ์การผลิตสินค้าเกษตรสำคัญ ได้แก่ ข้าว มันสำปะหลัง ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และปาล์มน้ำมัน เพราะเป็นสินค้าที่เกี่ยวกับการบริโภค ทั้งอาหารคน และอาหารสัตว์ และความมั่นคงด้านอาหาร

“ได้หารือร่วมกันว่า มีข้อมูลตัวไหนที่จะต้องติดตาม และจะติดตามอย่างไร ทั้งข้อมูลในประเทศ และต่างประเทศทั้งเรื่องฝน น้ำ ภาวะภัยแล้ง และกำหนดให้รายงานอย่างน้อยเดือนละครั้ง แต่ถ้าเป็นเหตุการณ์เร่งด่วน ก็ต้องรายงานทันที เพื่อให้มองเห็นภาพว่าแนวโน้มจะเกิดอะไรขึ้น จะได้เตรียมรับมือได้ทัน เป็นการวางแผนล่วงหน้าเชิงรุก ไม่ใช่การตั้งรับ”

อย่างไรก็ตาม ในปีนี้ มองว่า ยังไม่จำเป็นต้องมีมาตรการอะไรออกมารับมือ เพราะผลกระทบจากเอลนีโญในปีนี้ยังไม่มากนัก และยังไม่สิ้นฤดูฝน ต้องติดตามสถานการณ์ฝนก่อน แต่ปีหน้า ที่หลายฝ่ายมองว่า จะเริ่มเกิดภาวะภัยแล้งก็ต้องมีการติดตามกันต่อไป และหากจำเป็น ก็จะอาจต้องออกมาตรการรับมือ เพื่อลดผลกระทบ ทั้งในเรื่องการส่งออกการนำเข้า แต่จนถึงขณะนี้ ยังไม่เห็นสัญญาณอะไร

นอกจากนี้ ได้มอบหมายให้ทูตพาณิชย์ของไทยที่ประจำอยู่ในประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก จำนวน 58 แห่ง ให้ติดตามสถานการณ์การเพาะปลูก การบริโภค ความต้องการสินค้าเกษตร ในประเทศที่ตนเองประจำอยู่ว่าเป็นอย่างไร ซึ่งที่ได้รับรายงานมาแล้ว เช่น อินเดีย ห้ามส่งออกข้าวขาว เวียดนาม จีน และฟิลิปปินส์ มีมาตรการติดตามผลกระทบจากกรณีที่อินเดียใช้มาตรการอย่างใกล้ชิด และติดตามสถานการณ์เอลนีโญ แต่ก็ยังไม่มีมาตรการอะไรออกมา และเริ่มมีความต้องการซื้อข้าวและสินค้าเกษตรจากหลายประเทศเพิ่มขึ้น ส่วนพาณิชย์จังหวัด ก็ต้องติดตามภาวะการเพาะปลูกสถานการณ์การผลิตในพื้นที่ว่าเป็นอย่างไร เพิ่มขึ้นหรือลดลง และมีแนวโน้มมีปัญหาหรือไม่

สำหรับผลกระทบต่อการผลิตสินค้าเกษตรสำคัญ เช่น ข้าว ประเมินแล้วไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เพราะไทยปลูกข้าวใช้บริโภคในประเทศครึ่งหนึ่ง ที่เหลืออีกครึ่งสำหรับส่งออก และผลผลิตในแต่ละปี ก็เพิ่มขึ้นลดลงเป็นปกติอยู่แล้วตามสภาพฝนและน้ำ แม้จะไม่เกิดภาวะภัยแล้ง มันสำปะหลัง มีแนวโน้มลดลง จากการเกิดโรคใบด่างและภัยแล้ง แต่ไม่มีปัญหาในเรื่องผลผลิตขาดแคลน เพราะไทยยังนำเข้าจากประเทศเพื่อนบ้านได้ ส่วนข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และปาล์มน้ำมัน ยังไม่มีปัญหา ส่วนยางพารา มอบหมายให้กระทรวงเกษตรฯ ติดตามสถานการณ์