ผู้ส่งออกตบเท้าจับเข่าคุยผู้ว่าแบงก์ชาติ 10ม.ค.นี้

  • หวังช่วยแก้ค่าเงินบาทแข็งปัญหาหนักอก
  • ลั่นช่วง 2 ปีทำสูญรายได้ส่งออกแล้วกว่า5แสนล้านบาท
  • ยันแบงก์ชาติเท่านั้นช่วยได้เหตุมีอำนาจเด็ดขาดในมือ

นายวิศิษฐ์  ลิ้มลือชา  รองประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) เปิดเผยว่า   วันที่ 10 ม.ค.นี้ สรท.และผู้ส่งออกจะเข้าพบ นายวิรไท  สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เพื่อหารือถึงการแก้ไขปัญหาค่าเงินบาทที่มีแนวโน้มแข็งค่ามากขึ้น เพราะผู้ส่งออกกังวลว่า ค่าเงินบาทจะแข็งค่าจนต่ำกว่า 30 บาทต่อเหรียญสหรัฐฯ และส่งผลกระทบต่อขีดความสามารถในการส่งออกไทย เนื่องจากในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ผลจากค่าเงินบาทแข็งค่า ทำให้ผู้ส่งออกสูญเสียรายได้ไม่ต่ำกว่า 500,000 ล้านบาทแล้ว ซึ่งภาคเอกชนเห็นว่า ค่าบาทที่เหมาะสม ควรเคลื่อนไหวในกรอบ 31 บาทต่อเหรียญฯ หรือแข็งค่าในอัตราใกล้เคียงกับคู่แข่ง

“ในช่วง 2 ปีที่ค่าเงินบาทแข็ง เราสูญเสียรายได้ไปแล้ว 17 % ซึ่งโอกาสน้อยมากที่ธุรกิจจะมีกำไรมากกว่านี้ ทำให้บางธุรกิจเข้าข่ายขาดทุนแล้ว แม้รัฐบาลจะตั้งคณะกรรมการมาดูแลค่าเงิน แต่ก็คงไม่สามารถแก้ไขได้มาก เพราะอำนาจเด็ดขาดอยู่ที่ธปท. ทำได้แค่เพียงหามาตรการลดผลกระทบจากค่าเงินที่แข็งเท่านั้น”

อย่างไรก็ตาม วันที่ 7 ม.ค. นี้ สรท.จะแถลงข่าวสรุปผลกระทบจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นตั้งแต่ปี 62 ต่อเนื่องมาถึงต้นปี 63 และประเมินด้วยว่า หากค่าเงินบาทยังคงแข็งค่าต่อไปอีก มูลค่าส่งออกของไทยจะติดลบเท่าไร โดยนำค่าเงินบาทที่เคลื่อนไหวในกรอบ 29-31 บาทต่อเหรียญฯมาคำนวณ อย่างไรก็ตาม ในช่วงต้นปี 63 ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นมาถึง 29 บาทต่อเหรียญฯ ทำให้ค่าเงินบาทแข็งค่าเป็นอันดับ 1 ของเอเชีย และเป็นอันดับ4 ของโลก