ปิดวันสุดท้ายสัปดาห์ ดาวโจนส์คลายกังวลเศรษฐกิจทรุด บวกทะลุ 300 จุด

  • ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯดีดตัวขึ้น
  • ตัวเลขยอดค้าปลีกยังพุ่งชี้คนยังใช้จ่ายเพิ่มขึ้น
  • ส่วนทางดัชนีความเชื่อมั่ยผู้บริโภคต่ำสุด 7 เดือน

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์วันสุดท้ายของสัปดาห์ปิดบวกที่ 25,886.01 จุด เพิ่มขึ้น 306.62 จุด หรือ +1.20% ขณะที่ดัชนีแนสแด็กส์ คอมโพซิส ปิดที่ 7,895.99 จุด เพิ่มขึ้น 129.38 จุด หรือ +1.67% และดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 2,888.68 จุด เพิ่มขึ้น 41.08 จุด หรือ +1.44%

นักลงทุนคลายกังวลว่า ถึงสัญญาณในอนาคตที่ว่าตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ มีโอกาสถดถอย โดยตลาดได้แรงหนุนจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐทั้งอายุ 10 ปีและ 30 ปีปรับตัวขึ้น หลังจากร่วงลงอย่างหนักในช่วงที่ผ่านมาอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 1.56% ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 2 ปี ปรับตัวขึ้นแตะระดับ 1.49% และเป็นทิศทางที่เหมาะสม

ขณะที่ท่าทีการเจรจาการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ ล่าสุดปรับทิศทางที่ดีขึ้น เนื่องจากทั้งทางการจีนและประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ให้สัมภาษณ์ในลักษณะประนีประนอมเพิ่มมากขึ้น

นอกจากนั้น รายงานการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่แข็งแกร่งในเดือนก.ค.ยังเป็นแรงหนุนตลาด โดยสำนักงานสำมะโนประชากรสหรัฐเปิดเผยว่า การใช้จ่ายของผู้บริโภคสหรัฐยังคงแข็งแกร่ง โดยยอดค้าปลีกและบริการด้านอาหารเพิ่มขึ้น 0.7% สู่ระดับ 5.235 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯในเดือนก.ค.

ยอดค้าปลีกปรับตัวขึ้นในหลายธุรกิจในเดือนที่ผ่านมา รวมถึงการค้าปลีกออนไลน์ ร้านขายของชำ รวมถึงร้านขายเสื้อผ้า, สินค้าอิเล็กทรอนิก และเครื่องใช้ไฟฟ้า

อย่างไรก็ตาม ผลสำรวจของมหาวิทยาลัยมิชิแกนชี้สวนทางว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐปรับตัวลงแตะระดับ 92.1 ในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำที่สุดในรอบ 7 เดือน โดยลดลงจากระดับ 98.4 ในเดือนก.ค. และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 97.2

ขณะที่กลุ่มโอเปก หรือกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน ปรับลดคาดการณ์ความต้องการน้ำมันทั่วโลกในปีนี้ ลดลง 40,000 บาร์เรลต่อวัน สู่ 1.1 ล้านบาร์เรลเมื่อเทียบรายปี จากเหตุผลกังวลเศรษฐกิจโลกชะลอตัว

หุ้นทั้ง 11 กลุ่มในดัชนี S&P 500 ปิดบวก โดยกลุ่มอุตสาหกรรมนำตลาด เพิ่มขึ้น 1.9% ขณะที่หุ้นทั้ง 30 ตัวในดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวขึ้น นำโดยหุ้นเจพีมอร์แกน เชส ซึ่งบวกขึ้น 2.40%

โดยหุ้น Nvidia ซึ่งเป็นบริษัทเทคโนโลยีของสหรัฐ พุ่งขึ้น 7.25% หลังจากบริษัทเปิดเผยรายได้ไตรมาส 2 เพิ่มขึ้นเกินคาด เนื่องจากมีความต้องการเพิ่มขึ้นสำหรับชิปด้านกราฟฟิคโดยเฉพาะที่ใช้กับวิดีโอเกม