“บิ๊กแดง”เปิดใจก่อนเกษียณเห็นการเปลี่ยนแปลงหลายครั้งย้ำสื่อจะรักใครชอบใครต้องมีจรรยาบรรณในการเสนอข่าว

.“บิ๊กแดง”เปิดใจก่อนเกษียณเห็นการเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง 

.ย้ำสื่อจะรักใครชอบใครแต่ต้องมีจรรยาบรรณจริยธรรมในการเสนอข่าว 

.สิ่งที่พูดเป็นวาทกรรมที่เป็นจริง แนะดูหนัง The social dilemma

พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก กล่าวเปิดใจก่อนเกษียณอายุราชการว่า ตั้งแต่เข้ามารับราชการและเป็นผู้บัญชาการทหารบก 2 ปีได้รู้จักกับสื่อมวลชนมาตั้งแต่สมัยบิดา พล.อ.สุนทร คงสมพงษ์ อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุด ซึ่งในห้วง 30 กว่าปีที่ผ่านมาได้สัมผัสกับสื่อหลาย ๆ คน ยังจำภาพความเปลี่ยนแปลงทั้งทางทหาร ความเปลี่ยนแปลงทางการเมือง

“ที่สำคัญคือการเปลี่ยนแปลงของการทำข่าว อยากให้สื่อมวลชนยึดความเป็นกลางในการนำเสนอข่าวที่เป็นสาระ อยู่บนพื้นฐานแห่งความจริง ส่วนการพาดหัวข่าวขึ้นอยู่กับเทคนิคของแต่ละคน ที่จะดึงดูดให้เวบไซด์ เพจ หนังสือพิมพ์ของตัวเอง เพื่อเรียกคนดู เปรียบเหมือนการตลาดอย่างหนึ่งที่เป็นเทคนิค การพาดหัวข่าวขึ้นมา แต่ข้างในเนื้อหาอาจจะไม่เกี่ยวข้อง” ผู้บัญชาการทหารบก กล่าว

พล.อ.อภิรัชต์ กล่าวว่า เมื่อมีคนถามว่าตนสนใจสื่อโซเชียลมีเดีย แต่ไม่เล่น เฟซบุ๊กหรืออินสตาแกรม อยากจะบอกว่าที่สนใจก็เพื่อจะดูความเปลี่ยนแปลงที่พูดมาหลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการให้สัมภาษณ์หรือพูดบนเวที สิ่งสำคัญมากที่สุดของทหารคือ ความสัมพันธ์ระหว่างผู้บังคับบัญชากับผู้ใต้บังคับบัญชา ที่ไม่สามารถจะถ่ายทอดความรู้สึกของเราในฐานะผู้บังคับบัญชาผ่านทางแอปพลิเคชันใดก็ตามในโลก ที่จะทำให้ลูกน้องรู้สึกว่าเราดูแลเอาใจใส่เขา ได้เท่ากับที่เราลงไปทำจริงๆ

“ที่ผ่านมาจะเห็นว่าการให้ข่าวของผบ.ทบ.แต่ละท่าน ต้องพิจารณาถึงความสอดคล้องกับสถานการณ์ แต่ส่วนตัวผม เมื่อให้ข่าว มีทั้งคนชมและคนด่าอยู่เสมอ แต่ก็ชินแล้ว เพราะผมโดนมาเยอะตั้งแต่เป็นผู้การ ผู้พัน โดนพาดหัวในสื่อหลาย ๆ ฉบับมาตลอด หลายอย่างที่พูดออกมาก็เป็นวาทกรรม แต่ทุกอย่างนั้น หากนำไปคิดก็คือเรื่องที่เกิดขึ้นจริงในชาติบ้านเมือง หลังจากเกษียณราชการไป ผมคงไม่มีโอกาสมาให้ข่าวสื่อ 

แต่ขอให้สื่อรักษาจรรยาบรรณ จริยธรรม เป็นสิ่งที่เรายังต้องดำรงอยู่ไว้ ไม่ว่าจะเป็นสื่อชนิดใดก็ตาม การรักใคร ชอบใคร ต้องคำนึงถึงมนุษยธรรมและสิ่งที่เกิดขึ้นจริงในประเทศชาติบ้านเมือง ที่มีอัตลักษณ์ของประเทศชาติ ที่ทุกคนต้องทำหน้าที่ของตัวเองจะเชียร์หรือด่า ผมไม่เคยรู้สึกอะไร ไม่ได้โกรธหรือน้อยใจ และอยากแนะนำสื่อให้ดูหนัง The social dilemma มีเนื้อหาที่เป็นการเล่าประสบการณ์ของผู้ก่อตั้งแพลตฟอร์มต่าง ๆ ในโซเชียลมีเดีย และพูดถึงผลลัพธ์จากการเสพสื่อโซเชียลเป็นประจำทั้งผลดีและผลเสีย”ผู้บัญชาการทหารบก กล่าว