“บิ๊กตู่”ยันลงพื้นที่ไม่เกี่ยวการเมือง-ไม่ยึดติดอำนาจแค่อยากรู้ความเป็นอยู่ประชาชนเท่านั้น

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เปิดเผยภายหลังเป็นประธานในงานมอบรางวัลรัฐบาลดิจิทัล “DG Awards 2021” ให้แก่หน่วยงานภาครัฐที่มีการปรับเปลี่ยนองค์กรสู่การเป็นรัฐบาลดิจิทัลในระดับสูง จำนวนทั้งสิ้น 33 รางวัลว่า ขอแสดงความยินดีกับหน่วยงานที่ได้รับรางวัล และชื่นชมในความมุ่งมั่นของทุกหน่วยงาน เพื่อเป็นพลังในการเปลี่ยนแปลงพลิกโฉมประเทศไทย ไปสู่ความก้าวหน้า ซึ่งตนเคยประกาศเรื่องประเทศไทย 4.0 จนนำไปสู่ วิสัยทัศน์ มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน และยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ซึ่งต้องปรับตัวให้ทันยุค Next normal เพื่อให้คนไทยไม่น้อยหน้าใคร บนสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงของโลก ทั้งสภาพอากาศ ภัยพิบัติ โรคระบาดอุบัติใหม่อื่นๆ ที่จะตามมา และอยากให้ทุกหน่วยงานทำแบบสอบถามรูปแบบดิจิทัล และเป็นคำถามปลายเปิดมากขึ้น

ทั้งนี้เพื่อให้ตรงตามเป้าหมายของงบประมาณ และต้องคำนึงถึงความเห็นที่แตกต่าง เพื่อให้เกิดการมีส่วนร่วมและไม่เกิดความขัดแย้งในการทำงาน ทั้งนี้เป็นเวลา 2 ปีแล้วที่เห็นความผันผวนในเรื่องต่างๆ สิ่งเหล่านี้จะผูกพันกับการใช้งบประมาณของภาครัฐ ทั้งการผ่อนผันการชำระหนี้ การเก็บภาษี ลดดอกเบี้ย แม้แต่ราคาน้ำมันก็ผันผวน ส่งผลกับงบประมาณที่มีอยู่อย่างจำกัด ซึ่งเป็นสิ่งที่ทั่วโลกทุกประเทศต้องเผชิญ ไม่ใช่เพียงแค่ประเทศไทยประเทศเดียว พร้อมขออฝากเรื่อง one stop service ว่าจะต้องทำให้เกิดขึ้นจริงให้ได้ และอยากให้มีการเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างหน่วยงาน เพื่อให้ประชาชนได้รับความสะดวกมากที่สุด

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า สถานการณ์ในประเทศไทย นั้นอยู่ในระดับที่ดีถึงดีมากพอสมควร และดีกว่าประเทศอื่นๆ ด้วยซ้ำ แต่ก็ยังมีคนไม่พอใจ จึงก็ต้องสร้างความเข้าใจ เราไม่สามารถโต้แย้งหรือโมโหใส่ได้ แต่ก็เชื่อว่าสักวันจะเข้าใจกันเอง ต้องการให้ประเทศไทยเป็นฮับดิจัทัล (HUB Digital) และระบบการเชื่อมโยงข้อมูลของอาเซียน อีกทั้งการดำเนินการต่างๆ ต้องเป็นไปตามกฏหมาย สุจริต เป็นธรรม ไว้ใจได้ โดยเฉพาะในกิจการดิจิทัล เพื่อไม่ให้เกิดความขัดแย้งและประเทศไทยไม่ได้ขัดแย้งกับใคร ซึ่งความขัดแย้งภายนอกจะผูกพันกับประเทศไทยด้วย ดังนั้นการรักษาความปลอดภัยไซเบอร์เป็นเรื่องที่สำคัญ ทุกอย่างมีทั้งวิกฤติและโอกาส ประเทศไทยจะต้องเข้มแข็งไปด้วยกัน

นายกรัฐมนตรี ยอมรับว่าประเทศไทยยังมีปัญหาความเหลื่อมล้ำอยู่มาก แต่หากมองอย่างเป็นธรรม ปัญหานี้มีอยู่ทั้งโลก ตราบใดที่ยังมีการค้าแบบพหุภาคี  การค้าเสรีและและการเป็นประชาธิปไตย ก็ย่อมมีความเหลื่อมล้ำ ไม่มีที่ไหนเท่าเทียมกันเท่ากฎหมาย ยืนยันจะดูแลผู้มีรายได้น้อยให้ดีที่สุด ให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นตามสมควร ซึ่งหากทำได้ ก็เชื่อว่าประเทศไทยจะมีความเข้มแข็ง โดยไม่มีการทุจริต และมีธรรมาภิบาล

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงการลงพื้นที่จังหวัดอุดรธานีเมื่อวานนี้ (1ธ.ค.) ว่า ดีใจที่เห็นประชาชนพร้อมจะร่วมมือ และเวลาที่ตนลงพื้นที่ไม่ได้มองเรื่องการเมือง แต่เป็นการไปดูชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน

“ไปดูประชาชนลำบาก เหน็ดเหนื่อย หน้ากร้านแค่ไหน ชีวิตความเป็นอยู่เป็นอย่างไร ซึ่งตนคิดอยู่ทุกวัน ตั้งแต่ต้นเริ่มทำหน้าที่ดูแลประเทศ ดูแลประชาชน ซึ่งมุ่งหวังเพียงเห็นรอยยิ้มของประชาชน จริงๆ ตนไม่ได้เป็นคนยึดติดกับอำนาจ ตนเป็นคนเรียบง่าย แต่เมื่อมีเหตุผลและความจำเป็นที่ต้องอยู่และต้องทำตามหน้าที่ ตราบใดที่กฏหมายยังให้ทำอยู่ สิ่งเหล่านี้เป็นรางวัลและความภาคภูมิใจให้กับตนเอง โดยไม่ต้องมีใครมาให้ตน ซึ่งตนคิดแบบนี้มาตลอด 35 ปี ที่เป็นทหาร” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว