บางจากชูธงผู้นำพลังงานอนาคต ผลิตน้ำมันเครื่องบิน SAF ทำสัญญา 2 บริษัท ลุยสร้างหน่วยผลิตหลังทั่วโลกเริ่มใช้แล้ว

  • บางจากฯ รุกผู้นำพลังงานแห่งอนาคต ลงนามสัญญาก่อสร้างหน่วยผลิต SAF
  • บุกเบิกธุรกิจผลิตน้ำมันเครื่องบินยั่งยืนรายแรกในเมืองไทย เริ่มปี’67
  • ปลุกอุตฯ บินเมืองไทยรับมือเทรนด์โลกอเมริกา/ยุโรป/เอเชียแห่บังคับใช้แล้ว

นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทบางจากและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจากคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า กลุ่มบริษัทบางจากได้ทำพิธีลงนามในสัญญาระหว่าง บริษัท บีเอสจีเอฟจำกัด กับ บริษัท ทีทีซีแอล จำกัด (มหาชน) เดินหน้าการก่อสร้างหน่วยผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน (SAF -Sustainable Aviation Fuel) ในฐานะที่บางจากเป็นรายแรกและรายเดียวในเมืองไทยที่นำน้ำมันพืชใช้แล้วมาผลิตSAF สนับสนุนการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในภาคอุตสาหกรรมการบิน ตอบโจทย์ BCG Economy Model ครบทั้ง 3 ด้าน ก้าวสู่ผู้นำพลังงานแห่งอนาคตอย่างแข็งแกร่ง

บางจากได้ใช้เวลาตั้งแต่เริ่มก่อตั้งขึ้นมาเป็นเวลาเกือบ 4 ทศวรรษ ขับเคลื่อนภารกิจสร้างความมั่นคงด้านพลังงานให้ประเทศ สร้างความยั่งยืนให้สังคมและสิ่งแวดล้อม มาจนถึงวันนี้ภายใต้วิสัยทัศน์ “รังสรรค์โลกยั่งยืนด้วยนวัตกรรมสีเขียว” โดยมีกลุ่มธุรกิจหลักคือโรงกลั่นน้ำมันและการค้าน้ำมัน ได้รับการพัฒนาผ่านเจนเนอเรชั่นต่าง ๆ ในยุคเริ่มต้นด้วยเชื้อเพลิงฟอสซิล สู่ยุคที่ 1 นำเอทานอลหรือไบโอดีเซลมาผสมในเชื้อเพลิงฟอสซิลเป็นรายแรกในเมืองไทยจนขึ้นเป็น ‘ผู้นำพลังงานทดแทน’ และกำลังก้าวสู่ความเป็น ‘ผู้นำพลังงานแห่งอนาคต’ เข้าสู่ยุคที่ 2 ของโรงกลั่น ได้บุกเบิกการผลิตน้ำมัน SAF ใช้กับเครื่องบินตลอดวงจรชีวิตจะช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สู่ชั้นบรรยากาศได้ถึง 80% เมื่อเทียบกับเชื้อเพลิงอากาศยานที่ผลิตจากฟอสซิล แล้วยังช่วยต่อยอดน้ำมันพืชที่ใช้แล้วจากการปรุงอาหารผ่านโครงการ “ทอดไม่ทิ้ง” ได้ด้วย

นายชัยวัฒน์ย้ำว่า วันนี้ถือเป็นก้าวสำคัญที่มีพิธีลงนามสัญญาเกิดขึ้น ระหว่าง บริษัท บีเอสจีเอฟ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนของ บมจ. บางจาก คอร์ปอเรชั่น บริษัท บีบีจีไอ จำกัด (มหาชน) และบริษัท ธนโชค ออยล์ ไลท์ จำกัด กับบริษัท ทีทีซีแอล จำกัด (มหาชน) ผู้ดำเนินธุรกิจให้บริการด้านการออกแบบวิศวกรรมและก่อสร้างโรงงานจากญี่ปุ่น ซึ่งมีประสบการณ์ทำธุรกิจกับบางจากฯ มากว่า 20 ปี

ตามแผนการก่อสร้างหน่วยผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืนจากน้ำมันพืชใช้แล้ว หรือ SAF เพื่อร่วมสนับสนุนอุตสาหกรรมการบินลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์สู่ชั้นบรรยากาศตามแผนขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (International Civil Aviation Organization) ขณะนี้ทั่วโลกกำลังให้ความสำคัญกับ SAF เป็นอย่างมากในฐานะเชื้อเพลิงสำคัญที่จะช่วยบรรลุเป้าหมายลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งแต่ละประเทศผู้นำต่าง ๆ เริ่มทำแล้ว เช่น

เมื่อปี 2565 “สหรัฐอเมริกา” ได้กำหนดกฎหมายลดอัตราเงินเฟ้อ (Inflation Reduction Act of 2022 – IRA) สร้างแรงจูงใจและสนับสนุนผู้ผลิตด้วยการกำหนดภาษีการผลิต 1.75 เหรียญสหรัฐต่อแกลลอน ส่วน “ประเทศในทวีปยุโรป” ใช้มาตรการบังคับภายในปี 25668 ให้ผสม SAF ลงไปในน้ำมันอากาศยานทั่วไปสัดส่วนอย่างน้อย 2% จากนั้นในปี 2573 กำหนดให้เพิ่มเป็น 5% และตั้งแต่ปี 2593 เป็นต้นไปต้องผสม 70% ทางด้าน “ญี่ปุ่น” ตั้งเป้าหมายภายในปี 2573 เครื่องบินของทุกสายการบินที่ให้บริการเที่ยวบินระหว่างประเทศขึ้นลงในสนามบินญี่ปุ่นจะต้องใช้SAF สัดส่วน 10%

ขณะที่หน่วยผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน SAF ในโรงกลั่นน้ำมันบางจาก วางแผนใช้เทคโนโลยีปรับสภาพน้ำมันพืชใช้แล้ว (Pre-Treatment) ของบริษัท Desmet ประเทศมาเลเซีย โดยรวบรวมน้ำมันพืชใช้แล้วจากครัวเรือนและภาคธุรกิจผ่านโครงการ “ทอดไม่ทิ้ง” และช่องทางอื่น ๆ ผนวกกับเทคโนโลยีกระบวนการกำจัดออกซิเจนปรับโครงสร้างและแตกโมเลกุลด้วยไฮโดรเจนด้วย UOP Ecofining Technology ซึ่งเป็นเทคโนโลยีโซลูชั่นที่มีประสิทธิภาพในการผลิตเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืนของบริษัท Honeywell UOP สหรัฐอเมริกา มีกำลังการผลิตวันละ 1,000,000 ลิตร ตั้งเป้าภายในไตรมาส 4 ปี 2567 โรงงานแห่งนี้จะเริ่มผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืนได้อย่างแน่นอน

นายชัยวัฒน์ กล่าวว่า ขอขอบคุณทุกคนที่ให้การสนับสนุนและร่วมผลักดันให้เกิดความก้าวหน้าที่มีนัยสำคัญ เพราะการลดปล่อยคาร์บอนเป็นภารกิจสำคัญของทุกภาคส่วน รวมทั้งหน่วยผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน SAF จะสะท้อนการลงมือดำเนินงานอย่างเป็นรูปธรรมชัดเจนตามแผน BCP 316 NET บางจากฯ ตามเป้าปี 2573 จะไปสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) และปี 2593 จะลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ (Net Zero GHG Emissions) รวมทั้งได้บูรณาการพัฒนาเศรษฐกิจ BCG Economy Model ทั้ง 3 ด้าน คือ เศรษฐกิจชีวภาพเศรษฐกิจหมุนเวียนและเศรษฐกิจสีเขียว ผลักดันเศรษฐกิจไทยเติบโตควบคู่การพัฒนาสังคมและการรักษาสิ่งแวดล้อมได้อย่างสมดุลและยั่งยืน

ดังนั้นบางจากฯ ขอรณรงค์ให้ประชาชนนำน้ำมันพืชใช้แล้วมาขายในสถานีบริการน้ำมันบางจากและจุดรับซื้อในโครงการ “ทอดไม่ทิ้ง” เพื่อนำไปผลิตเป็นเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน SAF ช่วยรักษาสุขภาพ ปกป้องสิ่งแวดล้อม และสร้างรายได้เสริมอีกด้วย

สำหรับพิธีลงนามสัญญาก่อสร้างหน่วยผลิตน้ำมัน SAF ครั้งนี้ มีเป็นผู้ร่วมลงนาม คือ นายธรรมรัตน์ ประยูรสุข รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มธุรกิจโรงกลั่นและค้าน้ำมัน บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ในฐานะประธานกรรมการ บริษัท บีเอสจีเอฟ จำกัด และ ายวันชัย รตินธร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท ทีทีซีแอล จำกัด (มหาชน)

รวมทั้งมีผู้บริหารระดับสูงจากหน่วยงานรัฐและเอกชนร่วมเป็นสักขีพยานพร้อมให้เกียรติเข้าร่วมงาน ประกอบด้วยนายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัทบางจากและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจากคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) นางเกว็นโดลิน คาร์ดโน อัครราชทูตที่ปรึกษา สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย พร้อมด้วยนายแบร์รี่ กลิคแมน ผู้จัดการทั่วไป Sustainable Technology Solutions บริษัทHoneywell UOP สหรัฐอเมริกา นาย คู เกี๊ยก เกิน กรรมการผู้จัดการ บริษัท Desmet (ภูมิภาคเอเชียตะวันออก เฉียงใต้และจีน)

เรื่องโดย…#เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน #gurutourza, www.facebook.com/penroongyaisamsaen