นายกฯ หนุนยกระดับไทยเป็น ‘เมืองท่องเที่ยวเชิงสุขภาพโลก’

  • ส่งเสริมนโยบายการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ
  • ฟื้นฟูการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน
  • เพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ

วันที่ 26 ก.พ. 2566 นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมให้ความสำคัญกับระบบสาธารณสุขไทย โดยเฉพาะการส่งเสริมนโยบายการพัฒนาประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ (Medical Hub) เพื่อยกระดับประเทศไทยสู่การเป็น “เมืองท่องเที่ยวเชิงสุขภาพโลก

นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องผลักดันการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ และการยกระดับการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพให้สำเร็จตามแผน ทั้งนี้ ผลการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ (ปี 2560 – 2569) ได้ดำเนินการยกระดับการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ดังนี้

1.ดำเนินการผ่านกลไกคณะกรรมการนโยบายการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ เพื่อขับเคลื่อนแผนพัฒนาและฟื้นฟูการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน โดยมีพื้นที่นำร่องในจังหวัดภูเก็ต พังงา และกระบี่

2.ดำเนินการภายใต้แผนงานบูรณาการสร้างรายได้จาการท่องเที่ยวในปีงบประมาณ 2565 – 2566 มีผลดำเนินการ เช่น การยกระดับสถานประกอบการตามเกณฑ์มาตรฐานคุณภาพระดับสากล พัฒนาเมืองสมุนไพรและจังหวัดท่องเที่ยว ยกระดับการสร้างสรรค์สินค้า บริการและการบริหารจัดการท่องเที่ยวยั่งยืน โดยในปี 2567 จะจัดทำกรอบการจัดทำคำของบประมาณ ภายใต้แผนงานบูรณาการสร้างรายได้จากการท่องเที่ยว ซึ่งได้กำหนดแนวทางการพัฒนาและส่งเสริมรูปแบบการท่องเที่ยวคุณภาพสูง โดยมีโครงการส่งเสริม การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพอยู่ภายใต้แนวทางดังกล่าว

นอกจากนี้ ยังขับเคลื่อนจังหวัดภูเก็ตในการเป็นเจ้าภาพ Specialized Expo 2028 เพื่อยกระดับจังหวัดภูเก็ตสู่เมืองท่องเที่ยวเชิงสุขภาพระดับโลกและขับเคลื่อนการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพในรูปแบบ Sports Tourism

“นายกรัฐมนตรีเชื่อมั่นว่า การผลักดันนโยบายการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพของรัฐบาล จะสามารถยกระดับประเทศไทยให้เป็น “เมืองท่องเที่ยวเชิงสุขภาพโลก” ได้อย่างเต็มศักยภาพ ซึ่งถือเป็นตลาดใหม่ที่สำคัญอย่างยิ่งในยุคหลังสถานการณ์โควิด – 19 คลี่คลาย เนื่องจากไทยมีความพร้อมทั้งด้านอุตสาหกรรมทางการแพทย์ที่ครบวงจร ด้านคุณภาพและมาตรฐานการรักษาที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล รัฐบาลจึงพร้อมที่จะเดินหน้า ส่งเสริมนโยบายดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ เพิ่มรายได้เข้าประเทศ พร้อมกับการดูแลสุขภาพของประชาชนในประเทศ” นายอนุชา กล่าว