นักลงทุนเทขายก่อนปิดวันขอบคุณพระเจ้า ดาวโจนส์ลดลงกว่า 140 จุด

  • ตลาดชะลอการซื้อ เทขายทำกำไรรับวันหยุดยาววันขอบคุณพระเจ้า
  • นักลงทุนกังวลตัวเลขคนว่างงานยังพุ่งต่อสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาด
  • กระทรวงพาณิชย์คาดไตรมาส 3 สหรัฐฯ โต 33.1% สูงเป็นประวัติการณ์

เมื่อเวลา  22.20 น. ตามเวลาประเทศไทย ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เคลื่อนไหวที่ระดับ 29,905.71 จุด ลดลง140.53 จุด หรือ -0.47% ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส เคลื่อนไหวที่ 12,037.86 จุด เพิ่มขึ้น  1.07 จุด หรือ  +0.01% ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี  500 อยู่ที่ระดับ 3,623.00 จุด ลดลง 12.41 จุด หรือ -0.34%

หลังจากดัชนีดาวโจนส์ปิดทะลุ 30,000 จุด วานนี้ ดัชนีปรับลดลงในการเปิดตลาดวันนี้ และคาดว่าการซื้อขายจะเบาบาง โดยนักลงทุนอาจจะมีชะลอการซื้อหรือขายทำกำไรลดความเสี่ยง เนื่องจากตลาดจะปิดทำการในวันพรุ่งนี้เนื่องในวันขอบคุณพระเจ้า และจะมีการซื้อขายเพียงครึ่งวันในวันศุกร์

อย่างไรก็ตาม ความชัดเจนของทิศทางการเมืองสหรัฐ หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เริ่มกระบวนการถ่ายโอนอำนาจให้แก่นายโจ ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ และความคืบหน้าในการพัฒนาวัคซีนต้านโควิด-19 รวมทั้งการคาดการณ์ที่ว่า นางเจเน็ต เยลเลน อดีตประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเข้าดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีคลังคนใหม่รวมทั้งมีแรงซื้อเข้ามาในกลุ่มเทคโนโลยี เป็นแรงหนุนให้ตลาดลดลงไม่มาก และดัชนีแนสแด็กยืนในแดนบวก

ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจที่ประกาศออกมาคนว่างงานยังมีจำนวนสูงขึ้น โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 778,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 733,000 ราย จากระดับ 742,000 รายที่มีการรายงานในสัปดาห์ก่อนหน้านี้

ขณะที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 2 สำหรับผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 3/2563 โดยระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัว 33.1% ซึ่งเป็นการขยายตัวสูงเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่ที่สหรัฐเริ่มมีการรวบรวมข้อมูลในปี 2490 หรือกว่า 70 ปีก่อนหน้านี้ โดยได้รับแรงหนุนจากการที่รัฐบาลเริ่มผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ ทำให้มีการเปิดเศรษฐกิจ และเริ่มมีการจ้างงาน หลังจากที่ได้ปิดเศรษฐกิจก่อนหน้านี้เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

นอกจากนี้การประกาศยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐ เช่น เครื่องบิน รถยนต์ และเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป เพิ่มขึ้น 1.3% ในเดือนต.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 1.0% หลังจากพุ่งขึ้น2.1% ในเดือนก.ย.

ขณะที่ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนพื้นฐาน ซึ่งเป็นคำสั่งซื้อสินค้าทุนที่ไม่รวมเครื่องบิน และสินค้าด้านอาวุธ โดยเป็นสิ่งบ่งชี้แผนการใช้จ่ายของภาคธุรกิจ เพิ่มขึ้น 0.7% และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 0.5% หลังจากพุ่งขึ้น1.9% ในเดือนก.ย.

นักลงทุนจับตารายงานการประชุมของเฟดประจำวันที่ 4-5 พ.ย.ที่จะมีการเปิดเผยในวันนี้ เพื่อหาสัญญาณการผ่อนคลายนโยบายการเงินมากขึ้นของเฟดเพื่อเยียวยาผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19