นักลงทุนสหรัฐฯมีความหวังเจรจาการค้า ดาวโจนส์ปิดบวกเป็นวันที่7

  • หุ้นเทคโนโลยีปรับขึ้นรับข้อตกลงการค้ารอบใหม่
  • พอใจอีซีบีผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มขึ้น
  • จับตาเฟดลดดอกเบี้ยต่อการประชุมครั้งหน้า

ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังปิดบวกต่อเนื่องเป็นวันที่ 7 ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์วันที่ 12 ก.ย.ปิดที่ 27,182.45 จุด เพิ่มขึ้นเล็กน้อย 45.41 จุด หรือ +0.17% ขณะที่ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส ปิดที่ 8,194.47 จุด เพิ่มขึ้น 24.79 จุด หรือ +0.30% ส่วนดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 3,009.57 จุด เพิ่มขึ้น 8.64 จุด หรือ +0.29%

ดัชนีดาวโจนส์ปิดในแดนบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 7 เมื่อคืนนี้ ขานรับการตัดสินใจผ่อนคลายนโยบายการเงินในการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ด้วยการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ธนาคารพาณิชย์ฝากไว้กับอีซีบี สู่ระดับ -0.50% จากเดิมที่ระดับ -0.40% พร้อมประกาศรื้อฟื้นโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในเดือนพ.ย. โดยจะซื้อพันธบัตรในวงเงิน 2 หมื่นล้านยูโร/เดือน โดยยังไม่มีกำหนดเวลาสิ้นสุดโครงการ

ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากสถานการณ์การค้าระหว่างสหรัฐและจีนที่ส่งสัญญาณเชิงบวก หลังมีความชัดเจนในการซื้อสินค้าเกษตรจากสหรัฐฯเพิ่มขึ้นของจีน ขณะที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวกับผู้สื่อข่าวที่ทำเนียบขาวว่า เขาจะพิจารณาการทำข้อตกลงการค้าฉบับชั่วคราวกับจีน แต่ในขณะเดียวกันเขายังคงต้องการที่จะทำข้อตกลงการค้าฉบับสมบูรณ์กับจีน

หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและผู้ผลิตชิพพุ่งขึ้นขานรับความคืบหน้าในการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน โดยหุ้น Qorvo Inc พุ่งขึ้น 2% หุ้นแลม รีเสิร์ช เพิ่มขึ้น 0.4% หุ้นแอดวานซ์ ไมโคร ดิไวซ์ (เอเอ็มพี) พุ่งขึ้น 1.5% หุ้นอินเทล ดีดขึ้น 0.4% หุ้นไมโครซอฟท์ เพิ่มขึ้น 1.03% หุ้นอัลฟาเบทซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล พุ่งขึ้น 1.2%

หุ้นกลุ่มธนาคารดีดตัวขึ้น โดยหุ้นโกลด์แมน แซคส์ เพิ่มขึ้น 0.9% หุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ เพิ่มขึ้น 0.8% หุ้นเจพีมอร์แกน เชส ปรับตัวขึ้น 0.6% หุ้นซิตี้กรุ๊ป เพิ่มขึ้น 0.6% และหุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา เพิ่มขึ้น 0.7%

สำหรับตัวเลขเศรษฐกิจ ยังออกมาในลักษณผสมผสาน ทั้งนี้ แม้ว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไป เดือนส.ค.ของสหรัฐฯจะเพิ่มจากเดือนก่อนเพียง 0.1% และเพิ่มขึ้น 1.7% จากระยะเดียวกันปีก่อน แต่ตลาดแรงงานดีขึ้น โดยมีจำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 15,000 ราย สู่ระดับ 204,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 5 เดือน โดยนักลงทุนจับตาการตัดสินใจลดดอกเบี้ยต่อของธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด)ในการประชุมสัปดาห์หน้า