ธ.ก.ส. ขานรับนโยบายรัฐบาลใหม่ “พักชำระหนี้เกษตรกร” เผยต้องคุยสรุปรายละเอียดให้ชัดเจน
- เผยเตรียมข้อมูล รวบรวมรายละเอียดของลูกค้าของ ธ.ก.ส. ไว้เป็นที่เรียบร้อย
- ลั่นต้องรอดูนโยบายของรัฐบาลใหม่ ว่าจะมีการพักหนี้ในรูปแบบใด
- เผยปัจจุบัน ธ.ก.ส.มีหนี้เสีย 8.46% วางเป้าหมายสิ้นปีัญชีลดเหลือ 5.5%
นายฉัตรชัย ศิริไล ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า จากนโยบายของรัฐบาลใหม่ที่ต้องการพักหนี้ให้เกษตรกร ในส่วนของ ธ.ก.ส.นั้น ทางกระทรวงการคลังได้มีการประสานมาทาง ธ.ก.ส. แล้ว ซึ่งทางธนาคารฯ ก็ได้มีการจัดเตรียมข้อมูล รวบรวมรายละเอียดของลูกค้าของ ธ.ก.ส. ไว้เป็นที่เรียบร้อย ทั้งข้อมูลในส่วนของประเภทกลุ่มธุรกิจ ช่วงอายุ มูลหนี้ และอุตสาหกรรมแต่ละประเภท เป็นต้น
“ในรายละเอียดในจุดการพักชำระหนี้ ในส่วนนี้ยังไม่มีการหารือถึงความชัดเจน ว่าจะดำเนินการในมิติใดบ้าง รูปแบบจะเป็นเช่นไร แต่ในส่วนของ ธ.ก.ส. เองได้จัดเตรียมฐานข้อมูลไว้เสนอรัฐบาลเรียบร้อยแล้ว”
นายฉัตรชัย กล่าวด้วยว่า นอกจากสิ่งที่กล่าวมา ธนาคารยังได้เตรียมข้อมูลไว้เสนอรัฐบาลอีกด้วยว่า เมื่อดำเนินการแล้วสิ่งที่กระทบกับ ธ.อ.ส. จะมีในจุดไหนบ้าง เช่น จะพักชำระหนี้เฉพาะเงินต้น หรือพักชำระทั้้งต้น-ดอกเบี้ย ซึ่งในส่วนนี้ก็จะมีผลกระทบกับธนาคารในด้านกระแสเงินสด ถ้าเกิดพักชำระเงินต้นแต่ดอกเบี้ยไม่เดินหน้า ก็จะกระทบงบการเงินของธนาคาร เป็นต้น
นายฉัตรชัย กล่าวต่อว่า ปัจจุบันยังพบว่า ธนาคารมีลูกหนี้ที่มีความสามารถในการชำระหนี้อยู่ ส่วนนี้ธนาคารอาจจะมีการเพิ่มแรงจูงใจและสนับสนุนให้ลูกหนี้กลุ่มนี้เข้ามาชำระหนี้ต่อเนื่องด้วย ขณะเดียวกัน ธ.ก.ส.จะใช้โอกาสในการดำเนินมาตรการดังกล่าว ในการพัฒนาโมบายแบงก์กิ้ง แอปพลิเคชัน A-mobile เพื่อให้เกษตรกรได้เรียนรู้การนำเทคโนโลยีมาใช้ในภาคการเกษตรมากขึ้น เพื่อให้เกิดประโยชน์และมีประสิทธิภาพ
“ต้องรอดูนโยบายของรัฐบาลใหม่ว่า จะมีการพักหนี้ในรูปแบบใด จะพักเฉพาะเงินต้น หรือพักดอกเบี้ยด้วย หากพักดอกไม่เดินจะกระทบงบการเงินของธนาคาร ซึ่งจะต้องคุยรายละเอียดร่วมกันอีกครั้ง รวมถึงต้องคุยกับกระทรวงการคลังว่า หากดำเนินการแล้วจะมีผลอะไรบ้าง ทั้งในด้านมิติลูกค้า กระแสเงินสด และหนี้เสียที่จะเกิดขึ้น”
ทั้งนี้ ปัจจุบันธนาคารมีหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) อยู่ที่ 8.46% มูลหนี้ 1.37 แสนล้านบาท โดยธนาคารมีเป้าหมายที่จะลดหนี้เสียให้ลงมาในสิ้นปีบัญชีปี 66 ที่ระดับ 5.5% คิดเป็นมูลหนี้ 90,000 ล้านบาท จากยอดหนี้คงค้าง1.6 ล้านล้านบาท
อย่างไรก็ตาม นายฉัตรชัย ยังกล่าวถึงในส่วนของนโยบายเงินดิจิทัล 10,000 บาท ของรัฐบาลใหม่ ว่า หากรัฐบาลจะให้ ธ.ก.ส. เป็นผู้ดำเนินการ ทางธนาคารก็พร้อมรับนโยบาย เพราะเนื่องด้วยปัจจุบันเทคโนโลยีของ ธ.ก.ส. มีการพัฒนาแล้ว แต่ก็ต้องดูบริบทของลูกค้า ธ.ก.ส. ประกอบด้วย เนื่องด้วยส่วนมาก ลูกค้าหลัก ของ ธ.ก.ส. จะประกอบอาชีพเกษตรกร ซึ่งจะอยู่ในพื้นที่ห่างไกล ไม่ได้ใช่กลุ่มผู้ประกอบอาชีพที่อยู่ในเมือง จึงอาจทำให้ไม่ตรงกลุ่มเป้าหมาย ที่เบื้องต้นรัฐบาลได้ประกาศการใช้จ่ายในระยะรัศมี 4 กิโลเมตรวัดจากทะเบียนบ้าน ซึ่งจุดนี้ทาง ธ.ก.ส. ก็จะมีความแตกต่างจากสถาบันการเงินเฉพาะกิจอื่นๆ ที่อาจจะตอบโจทย์ในเรื่องการกระจายตัวของกลุ่มลูกค้ามากกว่า