ธนาคารกลางอินโดขึ้นดอกเบี้ยซื้อคืนพันธบัตร 0.25%

.หวังลดความร้อนแรงของอัตราเงินเฟ้อที่ยังอยู่ในระดับสูง
.ขณะที่ธนาคารกลางมาเลย์คงดอกเบี้ยนโยบาย 2.75%
.เตรียมประเมินผลกระทบขึ้นดอกเบี้ย 4 ครั้งต่อเนื่องในปี 65

ธนาคารกลางอินโดนีเซีย (BI) ประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยซื้อคืนพันธบัตรโดยมีสัญญาขายคืน ระยะเวลา 7 วันในอัตรา 0.25% มาอยู่ที่ 5.75% ในการประชุมวันที่ 19 ม.ค.66 ขณะที่ธนาคารกลางมาเลเซีย คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 2.75%


นายเพอร์รี วาร์จิโย ผู้ว่าการ BI ระบุว่า “การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งนี้ เพื่อลดความร้อนแรงขออัตราเงินเฟ้อ ขณะที่ประมาณการการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ในปี 66 อยู่ระหว่าง 4.5%-5.3% โดยมีค่ากลางที่ 4.9%”


สำหรับการปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งนี้ ชี้ให้เห็นว่า BI ยังคงให้ความสำคัญกับการควบคุมเงินเฟ้อ โดย BI ปรับขึ้นดอกเบี้ยรวมทั้งสิ้น 2.25% นับตั้งแต่เดือนส.ค.65 ขณะที่อัตราเงินเฟ้อเดือนธ.ค.65 ที่ปรับสูงขึ้นเกินความคาดหมาย อาจทำให้อัตราเงินเฟ้อของอินโดนีเซียสูงกว่ากรอบเป้าหมายที่กำหนดไว้ที่ 2%-4% เนื่องจากราคาอาหารและค่าขนส่งเพิ่มสูงขึ้นก่อนถึงเทศกาลรอมฎอน


ขณะที่ธนาคารกลางมาเลเซีย มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 2.75% ในการประชุมวันเดียวกัน สวนทางกัผลสำรวจนักวิเคราะห์ของรอยเตอร์ส ที่ระบุจะปรับขึ้น 0.25% มาอยู่ที่ 3% พร้อมระบุว่า ธนาคารกลางกำลังประเมินผลกระทบจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมาแล้ว 4 ครั้งในปี 65


ทั้งนี้ ในแถลงการณ์ของธนาคารกลาง ระบุว่า “การตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยครั้งนี้ จะเป็นการเปิดโอกาสให้คณะกรรมการของธนาคารกลางสามารถประเมินผลกระทบของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหลายครั้งในช่วงที่ผ่านมา ส่วนการปรับอัตราดอกเบี้ยสู่ระดับปกติในวันข้างหน้า จะขึ้นอยู่กับปัจจัยต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งรวมถึงสัญญาณบ่งชี้ของเงินเฟ้อและแนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจในประเทศ”


เศรษฐกิจมาเลเซียฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งจากวิกฤติโควิด โดยธนาคารกลางคาดการณ์ว่า ปี 65 เศรษฐกิจจะขยายตัวสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ 6.5-7% ขณะที่รัฐบาลมาเลเซีย คาดการณ์ว่า ปี 66 เศรษฐกิจจะขยายตัวเพียง 4-5% เพราะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว