“ทรัมป์” โพสต์วีดิโอถึงชาวอเมริกันว่าตอนนี้รู้สึกดี หลังแพทย์ระบุไม่มีอาการป่วยจากการติดโควิด

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ดร.ชอน คอนเลย์ แพทย์ประจำทำเนียบขาว  เปิดเผยเมื่อวันพุธว่า “โดนัลด์ ทรัมป์” ประธานาธิบดีแห่งสหรัฐ ไม่มีอาการป่วยจากการติดเชิ้อไวรัสโควิด-19 เป็นเวลา 24 ชั่วโมงแล้ว ขณะที่ไม่มีไข้เลยมานานกว่า 4 วัน จากผลการตรวจร่างกาย, ชีพจร, ระดับออกซิเจนในเลือดและอัตราการหายใจยังคงทรงตัวและอยู่ในเกณฑ์ปกติ

ขณะเดียวกันได้เขาทวีตเป็นวีดิโอเป็นเวลา 4.53 นาทีจากหน้าห้องทำงานรูปไข่ในทำเนียบขาวเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับตัวเขาว่ารู้สึกดี หลังจากใช้เวลาในโรงพยาบาล 4 วัน ขอบคุณทุกคนที่ดูแล พูดถึงความคืบหน้าของวัคซีนต้านโควิด จะดูแลประชาชนเหมือนที่รักษาตน และตำหนิจีนต้นตอการแพร่เชื้อไวรัสนี้ จากนั้นได้ทวีตต่อว่าเพิ่งได้พูดคุยกับ “บอริส จอห์นสัน” นายกรัฐมนตรีแห่งอังกฤษขอบคุณสำหรับมิตรภาพและอวยพรให้หายจากไวรัสจีน

ขณะที่ผลการตรวจในห้องทดลองชี้ว่า เขามีสารภูมิคุ้มกันโควิดในร่างกายในระดับที่สามารถตรวจพบได้ เมื่อวันจันทร์ที่ 5 ต.ค. ที่ผ่านมา หลังจากการตรวจตอนถูกพบว่าติดเชื้อเมื่อสัปดาห์ก่อน พบว่าเขามีภูมิคุ้มกันแต่อยู่ในระดับต่ำจนไม่สามารถตรวจจับได้

ทั้งนี้ ร่างกายมนุษย์จะสร้างสารภูมิคุ้มกันขึ้นมาเพื่อต่อสู้กับการติดเชื้อไวรัส และการมีสารภูมิคุ้มกันไวรัสโควิดในเลือดบ่งชี้ว่า คนผู้นั้นมีเชื้ออยู่ในร่างกาย อย่างไรก็ตาม ยังไม่แน่ชัดว่าสารภาพคุ้มกันนี้จะป้องกันไม่ให้เกิดการติดเชื้อซ้ำได้หรือไม่

“ทรัมป์” ถูกตรวจพบว่าติดเชื้อโควิดเมื่อคืนวันที่ 1 ต.ค. ก่อนจะเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลในวันต่อมา และออกจากโรงพยาบาลในวันจันทร์ที่ผ่านมาเพื่อไปรักษาต่อที่ทำเนียบขาว ทำให้ทำเนียบขาวต้องยกระดับการป้องกันโควิด โดยเมื่อวันจันทร์ มีคำประกาศถึงเจ้าหน้าที่ให้จำกัดการสัญจรผ่านชั้น 1 ของปีกตะวันตกและที่พักประธานาธิบดี และมีคำสั่งเข้มงวดให้เจ้าหน้าที่ทุกคนที่ต้องเข้าใกล้ประธานาธิบดีในระยะ 2 เมตร ต้องสวมใส่อุปกรณ์ป้องกันเชื้อโรคและล้างมือให้สะอาด

ทั้งนี้การกลับมาของ “ทรัมป์” เกิดขึ้นท่ามกลางการระบาดของไวรัสโควิดในทำเนียบขาว ซึ่งจนถึงตอนนี้ มีเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวถูกตรวจพบว่าติดเชื้อโควิด-19 อย่างน้อย 9 รายแล้ว โดยรายล่าสุดคือ “สตีเฟน มิลเลอร์” ที่ปรึกษาประธานาธิบดี หลังจากก่อนหน้านี้นาง “เคลีห์ แมคเอนานี” เลขาธิการฝ่ายสื่อเพิ่งถูกตรวจพบว่าติดเชื้อ แต่ยังไม่แน่ชัดว่ามีกี่คนที่ติดเชื้อในทำเนียบขาว และขอบเขตการระบาดที่แท้จริงอาจกว้างกว่าที่คิด