“ทรัมป์” หวดจีนไม่ยั้งทิ้งทวนตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯ

  • จำกัดวีซ่าสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์จาก 10 ปีเหลือ 1 เดือน 
  • ห้ามนำเข้าสินค้าฝ้ายและผลิตภัณฑ์จากบริษัทเกี่ยวข้องกองทัพ 
  • ทำความสัมพันธ์ 2 ประเทศร้าวลึก”ปอมเปโอ”ลั่นยังไม่จบเท่านี้ 

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ไม่ปล่อยให้ความปราชัยในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีหยุดยั้งเจตารมณ์ในการเปิดศึกกับจีน  

ล่าสุด เมื่อวันพุธที่ 3 ธ.ค.ที่ผ่านมา ฝ่ายบริหารของทรัปม์ ได้จำกัดวีซ่าท่องเที่ยวของสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์จีน และห้ามนำเข้าฝ้ายจากบริษัทที่เกี่ยวข้องกับกองทัพ เพราะถูกกล่าวหาว่าเป็น “แรงงานทาส” นอกจากนี้ ทรัมป์ยังหวังว่า ในเร็วๆ นี้ จะลงนามในกฎหมาย ที่จะมีผลทำให้บริษัทของจีนหลุดออกจากการเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ 

ทั้งนี้ เมื่อวันพุธที่ผ่านมา สภาผู้แทนราษฎรได้ให้ความเห็นชอบกฎหมาย ที่จะอนุญาตให้ผู้ตรวจการสหรัฐฯ สามารถตรวจสอบการเงินของบริษัทจีน และขอให้เปิดเผยด้วยว่าอยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐบาลจีนหรือไม่ นอกจากนี้ กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ ยังกล่าวด้วยว่า ศุลกากรของสหรัฐฯจะกักสินค้า ที่ผลิตจากฝ้าย หรือผลิตภัณฑ์จากฝ้าย ของ Xinjiang Production and Construction Corps ผู้ผลิตรายใหญ่สุดของจีน เพราะเกี่ยวข้องกับกองทัพ  

ขณะเดียวกัน ภายใต้กฎระเบียบใหม่ที่เกี่ยวกับวีซ่า สหรัฐฯจำกัดวีซ่าสำหรับสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์และครอบครัว ให้เป็นแบบวีซ่าเข้า-ออกได้เพียงครั้งเดียว และจำกัดระยะเวลาอยู่ในสหรัฐฯได้เพียง 1 เดือนเท่านั้น จากก่อนหน้านี้ ให้วีซ่าแบบเข้า-ออกได้หลายครั้ง และให้อยู่ได้ยาวถึง 10 ปี 

โฆษกของสถานทูตสหรัฐฯรายหนึ่ง กล่าวผ่านทางอีเมล์กับบลูมเบิร์กว่า “พรรคคอมมิวนิสต์จีน และสมาชิก ทำงานอย่างแข็งขันในสหรัฐฯเพื่อออกข่าวโฆษณาชวนเชื่อกับชาวอเมริกัน รวมถึงการบีบบังคับทางเศรษฐกิจ และกิจกรรมชั่วร้ายอื่นๆ โดยในช่วงกว่า 20 ปีที่ผ่านมา เรายอมให้พรรคคอมมิวนิสต์เข้าถึงสถาบัน และธุรกิจต่างๆ ของสหรัฐฯได้อย่างเสรี และไร้ข้อจำกัด ในขณะที่สิทธิพิเศษเช่นเดียวกันนี้ ไม่เคยให้กับพลเมืองสหรัฐฯในประเทศจีนเลย” 

ทั้งนี้ พรรคคอมมิวนิสต์จีนมีสมาชิกประมาณ 92 ล้านคน รวมถึงผู้นำรัฐบาลกลาง รัฐบาลท้องถิ่น นอกจากนี้ ยังมีนักธุรกิจอีกหลายร้อยล้านคน อย่าง แจ็ค หม่า ผู้ร่วมก่อตั้งอาลีบาบา กรุ๊ป โฮลดิ้ง และเป็นบุคคลที่รวยที่สุดอันดับ 3 ของโลก รวมถึงสื่อมวลชน และสถาบันการศึกษา ซึ่งผลของการจำกัดวีซ่าเช่นนี้ กระทบต่อบุตรหลานของสมาชิกพรรคจำนวนมาก ที่ศึกษาอยู่ในสหรัฐฯ  

สำหรับความเคลื่อนไหวของทรัมป์ในรอบสัปดาห์นี้ มีแนวโน้มทำให้ความสัมพันธ์กับจีน ที่ตึงเครียดจากสงครามการค้า กลับทวีความตึงเครียดมากขึ้น ท่ามกลางการโจมตีเกี่ยวกับต้นตอการแพร่ระบาดของโควิด-19 ก่อนหน้านี้ เมื่อเดือนพ.ย.ที่ผ่านมา ไมเคิล ปอมเปโอ รมว.ต่างประเทศ กล่าวว่า “มันยังไม่จบเพียงเท่านี้” เมื่อจีนต้องเผชิญกับความยากลำบาก และยังอธิบายต่อว่า พรรคคอมมิวนิสต์จีน เปรียบเหมือนเป็น “สัตว์ประหลาดมาร์กซิสต์-เลนิน” ซึ่งเป็น “เผด็จการจอมโหดเหี้ยม และต่อต้านเสรีภาพของมนุษย์” 

อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครรู้เลยว่า การดำเนินการของทรัมป์ในครั้งนี้ โจ ไบเดน เห็นด้วยหรือไม่ แม้ว่าไม่เห็นด้วย ก็คงไม่สามารถดำเนินการอะไรได้ หากนโยบายมีผลบังคับใช้แล้ว