“ทรัมป์”ขู่เก็บภาษีจีนรอบใหม่ ทำดัชนีดาวโจนส์หัวทิ่ม ปิดตลาดดิ่งกว่า 280 จุด

  • ดัชนีอ่อนไหวข่าวสวิงไปกลับวันเดียวกว่า 500 จุด
  • เปิดตลาดบวกแรง แต่สุดท้ายเจอทรัมป์สกัดปิดติดลบ
  • หุ้นอุตสาหกรรม-พลังงาน-แบงก์พาเหรดร่วงระนาว

ตลาดหุ้นนิวยอร์ก1 ส.ค.ผันผวนรุนแรงมาก โดยในช่วงเปิดตลาดมีแรงช้อนซื้อหุ้นจากนักลงทุนส่งผลให้ดัชนีเป็นบวกค่อนข้างมาก โดยระหว่างวันดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์มีช่วงเวลาที่บวกขึ้นไปมากกว่า 260 จุด แต่ หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ขู่ว่าจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเพิ่มขึ้นอีก 3 แสนล้านดอลลาร์ ทำให้สุดท้ายดัชนีดิ่งลงกลับมาปิดตลาดติดลบ 280.85 จุด ปิดที่ 26,583.42 จุด หรือ -1.05%

ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 และดัชนีแนสแด็กส์ คอมโพซิท กลับมาปิดตลาดติดลบแรงเช่นกัน โดยดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 หลุด 3,000 จุดอีกครั้ง ปิดที่ 2,953.56 จุด ลดลง 26.82 จุด หรือ -0.90% และดัชนีแนสแด็กส์ คอมโพซิท ปิดที่ 8,111.12 จุด ลดลง 64.30 จุด หรือ -0.79%

ทั้งนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงลงทันทีหลังจากนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ทวีตข้อความวานนี้ว่า สหรัฐจะเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนเพิ่มขึ้นอีก 10% คิดเป็นมูลค่า 3 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ก.ย.

ซึ่งความวิตกกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าที่ยืดเยื้อระหว่างสหรัฐและจีนนี้ ได้ฉุดหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมลดลงแรง ขณะที่หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงเช่นกัน หลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ร่วงลงเกือบ 8% ท่ามกลางความวิตกกังวลที่ว่า สงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนจะส่งผลกระทบต่ออุปสงค์พลังงาน

โดยทวิตเตอร์ของปธน.ทรัมป์ระบุว่า “เจ้าหน้าที่ของเราเพิ่งกลับมาจากจีน หลังจากที่ได้เจรจาอย่างสร้างสรรค์เพื่อทำข้อตกลงการค้าในอนาคต เดิมเราคิดว่าเราสามารถทำข้อตกลงการค้ากับจีนได้เมื่อ 3 เดือนก่อน แต่เป็นที่น่าเสียใจที่ว่า จีนได้ตัดสินใจที่จะทำการเจรจาใหม่ ก่อนที่จะมีการลงนาม และเมื่อไม่นานมานี้ จีนตกลงที่จะซื้อสินค้าเกษตรจำนวนมากจากสหรัฐ แต่ก็ไม่ได้ทำเช่นนั้น

นอกจากนี้ ท่านประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้พูดว่า เขาจะยุติการจำหน่ายยา Fentanyl ให้แก่สหรัฐ แต่สิ่งนี้ไม่เคยเกิดขึ้น ทำให้ชาวอเมริกันจำนวนมากยังคงล้มตาย”

ความเคลื่อนไหวดังกล่าวส่งผลให้ดัชนีดาวโจนส์พลิกกลับมาสู่แดนลบทันที หลังจากที่ดัชนีเคลื่อนไหวในแดนบวกก่อนหน้านี้ หลังจากมีความหวังว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีกในเดือนหน้า จากเศรษฐกิจที่มีความอ่อนแอมากขึ้น โดยดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐร่วงลงในเดือนก.ค.

ความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของสงครามการค้าได้ฉุดหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมร่วงลง โดยหุ้นโบอิ้ง ร่วงลง 2.04% หุ้นแคทเธอร์พิลลาร์ ดิ่งลง 3.8% หุ้นยูไนเต็ด เทคโนโลยีส์ ลดลง 1.3% หุ้นอีตัน คอร์ป ร่วงลง 2.7% หุ้น 3M ลดลง 0.8% หุ้นเจเนอรัล อิเล็กทริก (GE) ร่วงลง 3.5% หุ้นเอเมอร์สัน อิเล็กทริก ดิ่งลง 3.3%

ขณะที่หุ้นกลุ่มพลังงาน หุ้นเอ็กซอนโมบิล ร่วงลง 2.5% หุ้นเชฟรอน ดิ่งลง 2% หุ้นเชซาพีค เอนเนอร์จี ทรุดฮวบลง 8.8% หุ้นเดวอน เอนเนอร์จี ร่วงลง 6.8% หุ้นมาราธอน ปิโตรเลียม ลดลง 1.8% หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน ดิ่งลง 5.8% รวมทั้ง หุ้นของบริษัทรายใหญ่ที่เข้าไปลงทุนจำนวนมากในประเทศจีนร่วงลงเช่นกัน โดยหุ้นไนกี้ ร่วงลง 3.4% หุ้นเฟดเอ็กซ์ ดิ่งลง 4.2% และหุ้นแอปเปิล ร่วงลง 2.1%

หุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลง โดยหุ้นโกลด์แมน แซคส์ ร่วงลง 3.9% หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ร่วงลง 3.8% หุ้นซิตี้กรุ๊ปดิ่งลง 4% หุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ ร่วงลง 3.6% หุ้นเวลส์ ฟาร์โก ลดลง 2.8% หุ้นเจพีมอร์แกน เชส ร่วงลง 2.5% จากความกังวลที่ว่า ดอกเบี้ยที่ลดลงส่งผลกระทบต่อกำไรของภาคธนาคาร