ตัวเลขเศรษฐกิจ-ผลประกอบการแย่ พิษโควิด -19 กดดาวโจนส์ปิดตลาดลบ 445 จุด

  • นักลงทุนเทขายหุ้นแบงก์ หลังธนาคารใหญ่ๆประกาศผลประกอบการลดลง
  • หวั่นผลประกอบการบริษัทที่จะทยอยออกใน2สัปดาห์ย่ำแย่
  • คนอยู่บ้าน ทำยอดค้าปลีกทรุด -น้ำมันดิบโลกหลุด20ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดตลาดวันที่ 15 เม.ย. ที่ 23,504.35 จุด ลดลง 445.41 จุด หรือ -1.86% ดัชนีเอสแอนด์พี500 ปิดที่ 2,783.36 จุด ลดลง 62.70 จุด หรือ -2.20% ขณะที่ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส ปิดที่ 8,393.18 จุด ลดลง 122.56 จุด หรือ -1.44%

นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19ที่เริ่มส่งผลชัดเจนกับเศรษฐกิจสหรัฐในด้านต่างๆมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมาตรการ lockdown ยังต้องดำเนินต่อไปอีกระยะหนึ่ง

โดบการทยอยประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่ออกมา พบว่าธนาคารรายใหญ่ อย่างโกลด์แมน แซคส์เปิดเผยกำไรในไตรมาส 1 ดิ่งลง 46% สู่ระดับ 3.11 ดอลลาร์/หุ้น ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3.35 ดอลลาร์/หุ้น

ขณะที่แบงก์ ออฟ อเมริกาเปิดเผยกำไรร่วงลง 45% สู่ระดับ 40 เซนต์/หุ้น ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 46 เซนต์/หุ้น เนื่องจากธนาคารต้องเพิ่มการกันสำรองสำหรับหนี้เสียจำนวน 3.6 พันล้านดอลลาร์

ซิตี้กรุ๊ปรายงานผลกำไรทรุดตัวลงเช่นกัน โดยลดลง 46% สู่ระดับ 1.05 ดอลลาร์/หุ้นในไตรมาส 1 ปีนี้ เมื่อเทียบกับระดับ 1.87 ดอลลาร์/หุ้นในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว เนื่องจากธนาคารต้องเพิ่มการกันสำรองสำหรับหนี้เสีย

นักลงทุนยังเทขายหุ้นกลุ่มธนาคารอื่นๆด้วย โดย หุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ ร่วงลง 3.7% หุ้นเจพีมอร์แกน เชส ดิ่งลง 4.9% หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ร่วงลง 6.49% หุ้นธนาคารเวลส์ ฟาร์โก ร่วงลง 5.7% หุ้นแบล็คร็อค ร่วงลง 3.27% หุ้นซิตี้กรุ๊ป ดิ่งลง 5.6%

นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์คิงส์วิว อินเวสต์เมนท์ เมเนจเมนท์ ในเมืองชิคาโก กล่าวว่า ผลประกอบการที่ย่ำแย่ของธนาคารรายใหญ่เหล่านี้ส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนรายอื่นๆ ที่จะประกาศออกมาใน 2-3 สัปดาห์ข้างหน้า

หุ้นฮาร์ลีย์-เดวิดสัน ผู้ผลิตมอเตอร์ไซค์รายใหญ่ของสหรัฐ ร่วงลง 4.8% หลังจากบริษัทเปิดเผยว่า พนักงานฝ่ายการผลิตจำนวนมากทั่วโลกของฮาร์ลีย์-เดวิดสันได้ถูกสั่งให้พักงาน นอกจากนี้ ยังได้ปรับลดเงินเดือนพนักงานลงราว 10% – 20%

หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงหลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ดิ่งหลุดจากระดับ 20 ดอลลาร์/บาร์เรลเมื่อคืนนี้ โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล ร่วงลง 4.6% หุ้นเชฟรอน ร่วงลง 2.5% หุ้นอ็อคซิเดนเชียล ปิโตรเลียม ดิ่งลง 8.6% หุ้นเบเกอร์ ฮิวจ์ ร่วงลง 3.3%

ตลาดยังได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ของสหรัฐ หลังจากที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกทรุดตัวลง 8.7% ในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นการดิ่งลงหนักที่สุดนับตั้งแต่ที่รัฐบาลเริ่มมีการเก็บรวบรวมข้อมูลดังกล่าวตั้งแต่ปี 2535 และย่ำแย่กว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะร่วงลง 8.0% หลังจากลดลง 0.4% ในเดือนก.พ.

ขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) รายงานว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรมโดยรวมของสหรัฐดิ่งลง 5.4% ในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นการทรุดตัวลงหนักที่สุดนับตั้งแต่เดือนม.ค.2489 หลังจากเพิ่มขึ้น 0.5% ในเดือนก.พ.

ความเชื่อมั่นของเศรษฐกิจตกต่ำลง โดยสมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB) ของสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านดิ่งลง 42 จุด สู่ระดับ 30 ในเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.2555 โดยความเปราะบางของเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้ ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19