“ดีอีเอส” ยืนยัน ปิดโซเชียลผิดกฎหมาย กฎหมายไม่กระทบผู้ใช้ออนไลน์ในภาพรวม

  • ย้ำปิดเฉพาะเว็บไซต์ และเพจที่ผิดกฎหมายเท่านั้น
  • ประสานกสทช. ปิดแอป “เทเลแกรม”แล้ว
  • ช่วงม็อบ มีเพจละเมิดกฎหมายกว่า3แสนราย แจ้งดำเนินคดี 558 ราย

นายภุชพงค์ โนดไธสง รองปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) กล่าวว่า การปิดโซเซียลมีเดีย ที่ผิดกฎหมาย ไม่กระทบต่อผู้ใช้งานที่กระทำอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ทั้งนี้กระทรวงดีอีเอส ยึดหลักการททำงานที่เคารพสิทธิการเข้าถึงสื่อทุกประเภทของประชาชนอย่างเสรี แต่ต้องอยู่ภายใต้กฎหมายไทยอย่างเคร่งครัด

“ทุกครั้งที่กระทรวงดีอีเอส ทำหน้าที่ปิดเว็บไซต์ หรือเพจ ที่ผิดกฎหมายนั้น  ได้ทำตามขั้นตอนตามกฎหมาย โดย ขอความเห็นชอบต่อศาลมาตลอด ไม่มีการทำเกินอำนาจหน้าที่ หรือเลือกปฏิบัติ โดยเคารพสิทธิการเข้าถึงสื่อทุกประเภทของประชาชนโดยเสรี ภายใต้บทบัญญัติของกฎหมายอย่างเคร่งครัด”

ส่วนกรณีแอปพลิเคชั่นเทเลแกรม (Telegram) จากการตรวจสอบพบว่า มีการใช้แอปดังกล่าวนัดหมาย เชิญชวนชุมนุม ซึ่งเข้าข่ายฝ่าฝืน ข้อกำหนดออกตามความใน มาตรา 9 ประกอบมาตรา 11 แห่งพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ฯ ซึ่งกระทรวงดีอีเอส และสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.)​ได้ดำเนินการเพื่อให้ระงับการทำให้แพร่หลายหรือลบข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้น ออกจากระบบคอมพิวเตอร์ (เทเลแกรม) ตามคำสั่งพ.ร.ก.ฉุกเฉินแล้ว 

 นายภุชพงค์ กล่าวต่อว่า จากการเฝ้าระวังติดตามสถานการณ์การชุมนุม ในช่วงที่ผ่านมา พบว่ามีการละเมิดกฎหมายกว่า 300,000  แเรื่อง แต่ดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดเพียง 58 ราย โดยในจำนวนดังกล่าว ประกอบด้วย เข้าข่ายผิดกฎหมายตาม พ.ร.บ.คอมพ์ฯ มาตรา 14 จำนวน 24 ราย โดยเป็นการนำเข้าข้อความเป็นเท็จ หลอกลวง เกิดความเสียหายและมีผลกระทบต่อประเทศในวงกว้าง และยุยุงปลุกปั่น เป็นต้น ที่เหลือเป็นการละเมิด พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ 32 ราย และอื่นๆ 2 ราย ซึ่งกระจายเผยแพร่อยู่ในหลากหลายแพลตฟอร์มโซเชียล

“ขอให้ความมั่นใจกับประชาชนและผู้ใช้งานออนไลน์ และโซเชียลว่าการดำเนินการตามกฎหมายนั้น เราจะดูเท่าที่จำเป็นจริงๆ เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบในวงกว้าง และกระทบคนส่วนใหญ่ที่มีการใช้ช่องทางเหล่านี้ในกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ หรือการทำธุรกิจ ในการขอความร่วมมือแพลตฟอร์มเพื่อระงับ และปิดกั้นการเข้าถึง เรามุ่งดำเนินการเฉพาะกับเฉพาะรายการโพสต์และยูอาร์แอลที่มีข้อความผิดกฎหมาย ไม่ใช่การขอคำสั่งศาลเพื่อปิดแพลตฟอร์มทั้งระบบ แต่จะเป็นบางรายการที่มีความผิดชัดแจ้ง ดังนั้นผู้ที่ไม่ได้ใช้แพลตฟอร์มเหล่านี้ทำเรื่องผิดกฎหมาย ไม่ต้องกังวลใจ”